วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผมเป็นพ่อค้าลองกอง


เมื่อกลางเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา ชำนาญ ณ.อันดามัน เปลี่ยนอาชีพอีกแล้วครับท่านผู้ชม คราวนี้แปลงกายเป็น พ่อค้าลองกอง เข้าป่า ขึ้นเขา บุกไปตามสวนลองกอง เพื่อเลือกหาซื้อเหมา ลองกองสุกๆ สดๆ จากต้นในสวนลองกอง แล้วนำไปขายตามตลาดนัดที่ภูเก็ต

ไม่ใช่ว่าผมจะมีความรู้หรือประสบการณ์มากพอที่จะทำธุรกิจการค้าขายประเภทนี้ได้ ยังห่างไกลมากนัก เพราะมันมีขั้นตอน เทคนิคและหลักการมากมาย ซึ่งพอจะแยกแยะได้คร่าวๆดังนี้

ขั้นแรก จะต้องมีสถานที่ระบายสินค้า คือแผงสำหรับวางขายลองกองตามตลาดนัดต่างๆ ซึ่งจะต้องจับจองแล้วเช่าเอาไว้ก่อนล่วงหน้าและที่สำคัญ จะต้องมี ทำเล ที่ดีด้วย จำเป็นจะต้องหาข้อมูลว่า ตลาดนัดที่ไหน วันอะไรมีคนมากและเป็นคนประเภทไหน ที่พอจะมีกำลังซื้อผลไม้ประเภทนี้ไปกิน เช่นถ้าตลาดนัดตามชายหาด ที่มีพวกผู้หญิงที่หากินกับฝรั่งมีอยู่มาก พวกนี้จะชอบซื้อลองกองเกรดเอ ช่อใหญ่ๆสวยๆ (เรียกว่าเกรดคุณนาย) แต่ถ้าเป็นตลาดนัดที่มีแค้มป์คนงานชาวพม่าเยอะๆ พวกนี้จะซื้อลองกองเกรดต่ำสุดที่เป็นลูกร่วง(ขนาดว่ากิโลฯล่ะ 10 บาท ยังต่อราคาอีก) อะไรประมาณนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปวางขายที่ไหนก็ได้ แบบนั้นมีทุนเท่าไหร่ก็หมด

ขั้นที่สอง จะต้องมีความรู้เรื่องราคาขายตามท้องตลาด ว่าลองกองเกรดไหน เขาขายกันกิโลกรัมล่ะเท่าไหร่ ซึ่งแต่ล่ะที่ แต่ล่ะวัน ราคาจะแตกต่างกันบ้าง เหมือนตลาดหุ้น

ขั้นที่สาม จะต้องรู้ว่า ที่สวนลองกองแต่ล่ะพื้นที่ เขาจะขายให้เราเกรดไหน กิโลกรัมล่ะเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละพื้นที่ ราคาจะแตกต่างกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับพ่อค้าลองกองที่ไปรับซื้อด้วย

ขั้นที่สี่ จะต้องคัดหรือแยกเกรดของลองกองเป็น ว่าลองกองไซต์ขนาดไหนควรจะซื้อได้ในราคากิโลกรัมล่ะเท่าไหร่และจะไปขายราคากิโลกรัมล่ะเท่าไหร่

ขั้นที่ห้า จะต้องมีรถยนต์กระบะบรรทุกเป็นของตัวเองและจะต้องขับเองด้วย ถ้าจ้างเขาขับรับรองว่าเจ้ง

ขั้นที่หก อันนี้สำคัญมาก เงินสดครับพี่น้อง เพราะชาวสวนลองกองเขารับเฉพาะเงินสดอย่างเดียวเงินเหี่ยวไม่เอา

ทั้งหมดทั้งเพนั้น เป็นหลักการเบื้องต้น ที่พ่อค้าลองกองจะต้องมี แต่ นายชำนาญ ณ.อันดามัน ไม่มีอะไรสักกะอย่างและที่ยังขาดมากที่สุดคือเงินสด ฮ้า ฮ้า..

และยังมีข้อปลีกย่อยอื่นๆ อีกมากมาย จะเล่าให้ฟัง ต่อไปนี้ เชิญติดตามหาความสำราญ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า พรรคพวกรุ่นน้องชื่อตาน้อย ที่รู้จักคบหากันมานาน เขาทำมาหากินกับการเป็นพ่อค้าขายผลไม้ตามตลาดนัดที่ภูเก็ต มานานเป็นสิบปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง ลางสาดหรือผลไม้ตามฤดูกาลอื่นๆ ตาน้อย นับเป็นพ่อค้าที่จัดอยู่ในขั้นเทพ เป็นกูรูรู้ทุกเรื่อง

ทีนี้ บังเอิญเจอกันที่ตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ ที่ภูเก็ต ก็ถามสารทุกข์ สุกดิบกันตามธรรมดาของคนที่นานๆเจอกัน แล้วเขาก็ถามผมถึงอาชีพทำทัวร์ ผมก็บอกไปว่า ผมหยุดทำทัวร์มาประมาณ 3-4เดือนแล้ว เพราะมันเข้าหน้าฝน ไม่มีนักท่องเที่ยวและผมเพิ่งจะผ่าตัดตามาด้วย ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร(ตกงาน ว่างั้นเถอะ) เขาก็เลยชวนผม ให้ไปเป็นพ่อค้าลองกองกับเขา เรื่องทุนรอน ไม่ต้องกังวล เขามีเพียบพร้อมอยู่แล้ว ส่วนผมจะลงเท่าไหร่ ก็ตามสะดวกของผม ได้กำไรแล้วค่อยมาว่ากันและเขารับรองว่าถ้าทำกับเขาเรื่องขาดทุนปิดประตูได้เลย

ข้อเสนอแบบนี้ก็เข้าทางผมสิครับ ท่านผู้ชม ผมตกลง โอเค ทันทีไม่มีคิดมาก หลังจากที่ได้คุยขั้นตอน รายละเอียดกันพอเข้าใจ ก็นัดแนะกันว่าวันรุ่งขึ้น เราจะไปหาซื้อลองกองกันที่จังหวัดพังงา

ตาน้อย จึงโทรไปหาชาวสวนลองกองซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ที่พังงา บอกว่าพรุ่งนี้ช่วยบอกพรรคพวกตัดลองกองไว้ให้ด้วย ช่วงบ่ายจะเข้าไปเอา ทางโน้นรับปาก เป็นอันว่าเรียบร้อยในขั้นตอนแรกแบบเรียบๆง่ายๆ แล้วผมก็กลับบ้าน

วันรุ่งขึ้น เป็นวันอาทิตย์ ผมไปถึงบ้านตาน้อย ประมาณ 8 โมงเช้า เมื่อผมไปถึงเขาเตรียมตะกร้าสำหรับใส่ผลไม้ ยกขึ้นใส่ไว้ท้ายรถกระบะของเขาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผมเมียงๆมองๆ ดูไปที่ท้ายรถ เขาจึงบอกผมว่าเอาตะกร้าไป 30 ใบ แต่ล่ะใบเมื่อใส่ลองกองเต็มแล้ว น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 28 ถึง 32 กิโลกรัม ผมได้ยินแล้วทำหน้าแบบถอดใจ ตาน้อยหัวเราะ แล้วบอกผมว่า “พี่ไม่ต้องตกใจ ผมพาคนงานพม่าไปด้วย 2 คน” เฮ้อ..ค่อยโล่งอกไปหน่อย นึกว่าจะต้องแบกตะกร้าลองกองน้ำหนัก 30 กิโลกรัม ถึง 30 ใบ ผมคงต้องขอถอนหุ้นก่อน

เก้าโมงเช้า เรา 4 คน ตาน้อย,ผมและคนงานพม่า 2 คน ก็ออกจากภูเก็ต ข้ามสะพานสารสิน ขึ้นถนนเพชรเกษม(สาย4) จากโคกกลอย มุ่งหน้า ไปวัดสุวรรณคูหา ซึ่งอยู่บนถนนสายภูเก็ต-พังงา หยุดกินข้าวเช้ากันที่ อ.ตะกั่วทุ่ง ประมาณครึ่งชั่วโมง ออกเดินทางต่อ ประมาณ 10 นาที่ ก็ถึงประตูทางเข้าวัดสุวรรณคูหา


ตาน้อย บังคับรถเลี้ยวซ้ายเข้าถนนซอย ผ่านหน้า “วัดสุวรรณคูหา” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดพังงา ภายในบริเวณวัด มีถ้ำเล็ก ถ้ำน้อย มากมาย ประกอบไปด้วย หินงอก หินย้อย ที่มีรูปร่างแปลกๆ สวยงาม และทางวัดได้มีการจัดสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆไว้ภายในถ้ำหลายจุดเพื่อให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว ได้กราบไหว้บูชา ขอพร

ส่วนบริเวณหน้าถ้ำมีลิงภูเขาฝูงใหญ่ อาศัยอยู่ในป่าบนภูเขาหลังถ้ำ เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในวัด พวกมันก็จะลงมาวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณนั้น นักท่องเที่ยวให้กล้วย ขนมกับพวกมันกิน แล้วก็ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ลิงพวกนี้ไม่มีอันตราย แต่ค่อนข้างจะซุกซน


วัดสุวรรณคูหาเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่บรรจุอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ทุกทัวร์ที่ผ่านเส้นทางนี้ ก่อนจะไปลงเรือที่ท่าด่าน เพื่อไปเกาะปันหยีและเขาพิงกันในอ่าวพังงา

ในสมัยผมเป็นไกด์ของบริษัททัวร์ในภูเก็ต ผมก็พาลูกทัวร์แวะที่นี่ทุกทริป ก่อนไปลงเรือที่ท่าด่าน

จากปากซอยบนถนนเพชรเกษม เข้ามาตามถนนคอนกรีตประมาณ 4 กิโลเมตร เกือบ 11 โมง เรามาถึงปากซอยทางแยกเข้าไป “น้ำตกรามัญ” อันเป็นจุดนัดพบกับชาวสวนลองกองในพื้นที่ ก่อนที่เขาจะพาไปดูลองกองตามสวนต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง

ซึ่งส่วนใหญ่ ก็อยู่หลังบ้านและบริเวณรอบๆบ้าน ของพวกเขานั่นแหละ

ลองกองที่มีลูกเต็มต้น สุกพร้อมจะให้ตัด

เมื่อเราไปถึง บางสวนที่ตัดเสร็จแล้ว ได้นำมากองรวมกันไว้หรือใส่ตะกร้าผลไม้รอเรามาคัดแยกเกรดและชั่งน้ำหนัก บางสวนที่กำลังตัดอยู่ก็มี


การตัดลองกอง


-----------


ลองกอง ที่ตัดมาจากต้นรอชั่งน้ำหนัก

ตาน้อย เริ่มสำรวจตรวจคุณภาพของลองกอง ตามขนาดและความหนาแน่นของลูกลองกองในแต่ละช่อ ส่วนผมก็ปฏิบัติการชิมความหวานไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ากว่าจะประเมินราคาได้เล่นเอาพุงกาง

สรุปว่า ตาน้อย สามารถตกลงราคาซื้อจากชาวสวน ได้ดังนี้

เกรด1 ลองกองช่องามๆลูกแน่น กก.ล่ะ 13 บาท

เกรด2 ลองกองช่อ ลูกห่างๆไม่แน่น กก.ล่ะ 8 บาท

ส่วนลูกร่วง ที่หลุดออกมาจากช่อ กก.ล่ะ 3 บาท

ขั้นตอนต่อไป เป็นการคัดแยก ลองกองเกรดต่างๆ จัดลงในตะกร้า ที่เราได้เตรียมไป เมื่อคัดแยกจัดลงตะกร้าเรียบร้อย ต่อจากนั้นก็ขึ้นตาชั่ง เพื่อชั่งน้ำหนัก

ลองกองเกรด1 น้ำหนักจะอยู่ที่ 25-28 กก.ต่อหนึ่งตะกร้า

ลองกองเกรด2 ประมาณ 28-30 กก.ต่อตะกร้า

ลูกร่วง น้ำหนักมากว่าเพื่อน เพราะใส่ลงไปได้หนาแน่นมากกว่า ประมาณ 30-33 กก.ต่อตะกร้า สำหรับน้ำหนักของตะกร้าอยู่ที่ 2.5 กก.ซึ่งจะต้องหักออกในภายหลัง

ลองกองที่ชั่งน้ำหนักแล้ว

บ่าย 2 โมงกว่า ลองกองทั้งหมดจึงได้ขึ้นไปอยู่บนท้ายรถกระบะ รวมน้ำหนักทั้งหมดเกือบ 900 กก.ตะกร้าที่เราเอาไปด้วยไม่พอใส่ ต้องยืมตะกร้าจากเจ้าของสวนลองกองเพิ่ม

ผมมองลองกองที่เราจะต้องเอามันไปขายที่ภูเก็ต จนรู้สึกกังวลกับจำนวนมากของมัน อดไม่ได้ต้องถาม ตาน้อยว่า นี่เราจะต้องขายกันกี่วันมันถึงจะหมด

ตาน้อย บอกผมว่าไม่เกิน 3 วัน ต้องขายให้หมด ถ้าไม่หมดลองกองจะดำ ราคาตกขายยากและเราจะขาดทุน ฟังตาน้อยบอกแล้วผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อ เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์

แล้วเราก็รีบออกจากสวนลองกอง เพื่อไปให้ถึงตลาดนัดเปิดท้ายก่อน 5 โมงเย็น ซึ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตาน้อยบอกว่าวันนี้จะต้องขายให้ได้อย่างน้อยต้องครึ่งหนึ่ง เพราะนัดกับชาวสวนไว้ว่า วันพุธจะกลับมาซื้ออีก บ๊ะมันกะได้ยังงี้เลยเรอะ

เรามาถึงตลาดท้ายรถที่ภูเก็ต เกือบ 5 โมง กว่าจะเอารถเข้าไปถึงแผงได้ทุลักทุเลน่าดูเพราะคนเริ่มมาก แผงขายของแม่ค้าต่างๆวางเต็มไปหมด และแผงของเราก็อยู่ลึกเข้าไปพอสมควร

เราช่วยกันลำเลียงเอาลองกองจากบนรถ ลงประมาณครึ่งรถ ที่เหลือค้างไว้บนรถ ตาน้อยเอาไปจอดไว้ในที่จอดรถพร้อมกับคนงานพม่า ส่วนผมรอเฝ้าลองกองที่แผงด้วยความล้า เข่าอ่อนเพราะไม่ได้ลุยกับงานหนักแบบนี้มานานหลายปี

ประมาณ 15 นาที ตาน้อยกลับมา ลงมือเอาลองกองจากตะกร้าขึ้นวางบนแผง จัดแบ่งตามเกรด1,2และลูกร่วง แล้วบอกให้ผมเขียนป้ายราคา 15,25,30 โห..ขายกันยังงี้เลยหรือ จากสวน 3,8,13

ผมเขียนป้ายราคายังไม่ทันเสร็จ ลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น,เกาหลี,จีน,ฝรั่ง เริ่มเข้ามาเลือกลองกองใส่ถุงชั่งน้ำหนักกันแล้ว เพราะเขาเห็นๆอยู่ว่า ของเราเพิ่งมาจากสวนสดๆ ร้อนๆ มดแดง มดดำ วิ่งกันเพ่นพ่านบนช่อลองกอง ถ้าเป็นอาหารถือว่ายกมาควันฉุยเลยแหละ

ดู การตัดลองกอง การจัดลงตะกร้าและลูกค้าที่หลากหลาย



ผมชักเริ่มสนุก เมื่อทุกอย่างเข้ามือ จนลืมเหนื่อย ประมาณ 4 ทุ่ม คนเริ่มวาย ผมหันไปดูด้านหลังเห็นตะกร้าเปล่าวางซ้อนกันอยู่เกือบ 20 ใบ ที่ยังมีลองกองอยู่ 2 ใบ แสดงว่าเราขายไปแล้วเกินครึ่งที่ซื้อมาจากสวน ตาน้อยสั่งเบียร์กระป๋องจากแผงขายน้ำที่อยู่ติดกันมาให้ผมแก้เหนื่อย

4 ทุ่มเศษ เราเก็บแผง รวมน้ำหนักลองกองที่ขายไปวันนี้เกือบ 400 กก. ส่วนที่เหลือเราไปขายที่ตลาดนัดท้ายรถ แถวๆหาดราไวย์ ตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น จนเกือบหมด

พอวันพุธตอนบ่าย เราก็กลับไปพังงาอีกครั้งและวันรุ่งขึ้นไปขายที่ตลาดนัดท้ายรถแถวๆหาดกะตะ ขายดีอีกเหมือนกัน

ที่ตลาดหาดกะตะ ผมมีเรื่องราวควันหลงมาเล่าให้ฟัง

เรามาถึง ตลาดประมาณบ่าย 2 โมงเศษ วันนี้เราได้แผงที่ริมถนนหน้าตลาดทำเลดีมาก เมื่อจัดลองกองขึ้นแผงเสร็จก็บ่าย 3 โมง เริ่มมีคนมาจับจ่ายซื้อของกันบ้างแล้ว และก็มี วนิพกตาบอด ประเภทร้องเพลงแบบคาราโอเกะที่มีลำโพงขนาดกะทัดรัดห้อยคอ มายืนร้องเพลงอยู่ที่หน้าแผงขายลองกองของผมพอดี หมอนี่เสียงดีไม่เบา มีพ่อค้า แม่ค้า ฝรั่งนักท่องเที่ยวและรวมทั้งผมด้วย ช่วยกันไปคนละ 5 บาท 10 บาท

ศิลปินคนแรก

พอแดดร่ม ลมตกหน่อย ก็มี วนิพก เข้ามาแจมอีกคน ยกโต๊ะเก้าอี้มาด้วย และก็จับจองพื้นที่บริเวณใกล้ๆกันนั้นแหละ เป็นเวทีแสดง(ผมได้ข้อมูลจากพ่อค้าแถวนั้นว่าเป็นที่ประจำของแก) นายคนนี้ ขาซ้ายด้วนครับ แกแสดงการเป่าใบไม้เป็นเพลง ซึ่งเมื่อมีการแสดงผมฟังเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เป็นสักเพลง

ศิลปินคนที่สอง

หลังจากการจัดเวทีแสดงเป็นที่เรียบร้อยก็เริ่มลงมือแสดงคอนเสิร์ตเป่าใบไม้ทันที ซึ่งไอ้เจ้าคนแรกก็เพิ่งจะรู้ว่าวันนี้มีการประชันเกิดขึ้นแล้ว(เพราะไม่มีใครบอก เมียก็ไปกินเหล้าขาวกับพม่า) ก็ตอนที่ได้ยินเสียงเป่าใบไม้นี่แหละ

เป็นอันว่า วันนี้พ่อค้า แม่ค้าแถวนั้น รวมทั้งผู้มาจับจ่ายตลาด ต่างก็ได้ชมการประชันคอนเสิร์ตฟรีครับท่านผู้ชม โดยมีศิลปินเดี่ยวทั้งสองเวที เวทีหนึ่งร้องคาราโอเกะ อีกเวทีเป่าใบไม้ ซึ่งทั้งสองเวที อยู่ห่างกันไม่เกิน 3 เมตร

เมื่อเวทีอยู่ห่างกันไม่เกิน 3 เมตร เสียงมันก็ตีกันสิครับท่านผู้ชม อีตอนแรกทางเวทีคาราโอเกะ ใช้เสียงพอ ซ๊อฟๆ ฟังสบายๆ แต่พอมีเสียงจากเวทีใบไม้อี้แอ่ อี้แอ่ เป่าข่มมา พี่แกก็เลยเปิดวอลลุ่มลำโพงดังขึ้นไปอีก แบบว่าของขึ้นประมาณนั้น ที่นี้ความอลเวงก็เกิดขึ้น เพราะฟังยังไง ก็ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่ พวกพ่อค้าแถวนั้นก็ชวนกันปรบมือเชียร์เป็นการใหญ่ สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ผมนึกในใจอยู่ว่า ประเดี๋ยวคงได้ถ่ายคลิป วนิพก ตีกันแน่ๆ

แต่แล้ว สักพักใหญ่ๆ เหตุการณ์ความตึงเครียดก็คลี่คลาย เมื่อเวทีใบไม้ ถอดใจ คงจะเหนื่อยสู้ไม่ได้ เก็บเครื่องดนตรี เก็บเวทีดนตรี ขึ้นมอเตอร์ไซรับจ้าง หายเงียบไป

ส่วนลูกพี่คาราโอเกะของผม ก็เลยชนะลอยลำเข้ารอบ และแสดงอยู่จนกระทั่งเมียทีไปนั่งกินเหล้าขาว อยู่กับพม่าในแค้มป์ใกล้ๆแถวนั้น เมาแอ๋กลับมาจูงมือจากไป

เฮ้อ..เสียดาย เกือบจะได้คลิปดีๆ โพสต์ขึ้นยูทูปแล้วเชียว

ดูการประชันคอนเสิร์ต วนิพก


แล้วพบกันใหม่ เรื่องต่อไป สวัสดีครับ
ชำนาญ ณ.อันดามัน
26 สิงหาคม 53
---------------------------------------

1 ความคิดเห็น:

  1. อีกคนก้อเสียงดี ..อีกคนก็ลมดีใบไม้ไหว แต่ถ้าขืนยุอีกนานสองนาน..พาลจะหมดลมเสียก่อน อิอิ น่าเห็นใจเหมือนกันแฮะ!!!

    ตอบลบ

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน