วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ



 
ควายน้ำ ที่ทะเลน้อย
---------------------------------

        ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าจริงๆ ทั้งๆที่เพิ่งผ่าตัดตา มาได้ไม่กี่วัน ขี้ตายังเยิ้มอยู่เลย ต้องไป อ.ชะอวดกับพรรคพวกอีกรอบทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมา

        ไปรอบก่อนตอนขากลับยังเล่าเรื่องไม่หมดเลย ได้เล่าแค่ แวะ วัดถลุงทอง วัดเดียว ยังมีวัดธาตุน้อย,วัดบางเหียน อีก 2 วัด ไปรอบนี้ ยิ่งหนักเข้าไปอีก เช่น วัดดอนศาลา,วัดบ้านสวน,วัดเขาอ้อ,วัดถ้ำสุมะโน ดังๆทั้งนั้นและยังอุตสาห์ข้ามเขาบรรทัดไปจนถึง อ.กันตัง จ.ตรัง โน่น แล้ววนกลับมาทาง อ.ห้วยยอด ถึง อ.ชะอวด ได้รอบพอดี คือแบบว่า “วันเดียวเที่ยว 3 จังหวัด” นครฯ-พัทลุง-ตรัง เอากะผมสิ กลับมาถึงภูเก็ต วันรุ่งขึ้น พรรคพวกชวนลงเรือออกทะเล ไปลองเรือใหม่อีกวัน เล่าอีก 3 เดือน จะจบหรือเปล่ายังไม่รู้ ฮึ ฮึ...

         ถ้าชอบก็คอยติดตามกันต่อไป ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผมก็ยังเล่าไปเรื่อยๆ

เริ่มเรื่อง “ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ” กันเลย วันที่ 15 มิ.ย.53 เราออกเดินทางจากภูเก็ต เพื่อรับคนป่วยที่ อ.ชะอวดไปส่งที่โรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ในวันที่ 16 มิ.ย.53 ไปเช้า-เย็นกลับ ก็เป็นอันเสร็จภารกิจ

         ซึ่งความจริงภารกิจนี้เสร็จภายในวันเดียว แต่ พรรคพวกที่ไปด้วยกันยังต้องทำภารกิจ อย่างน้อยก็อีก 2 วัน ทีนี้จะนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่เดียวก็ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างผม ก็เลยชวนพรรคพวกไปเที่ยว “ทะเลน้อย” ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อ.ชะอวด มากนักและก็ไม่มีใครขัดคอ เพราะชอบเที่ยวกันทุกคน

       เช้าวันที่ 17 มิ.ย.ฝนตกปรอยๆ ท้องฟ้าปิด บรรยากาศไม่ดีเลย เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืน ว่าฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว จากการทำ “ฝนเทียม” เพื่อดับไฟที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่อย่างไร

        พวกเราออกจากบ้านที่พักประมาณ 7 โมงเศษ ภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝน ใช้ถนนสาย “บ้านท่าประจะ” ไปขึ้น สายเอเชีย(ทุ่งสง-หาดใหญ่) แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าสาย 4048 จาก อ.ควนขนุน-ทะเลน้อย ระยะทาง ประมาณ 18 กิโลเมตร ผ่านวัดดอนศาลา,วัดบ้านสวนและวัดเขาอ้อ อันโด่งดัง พวกเราตั้งใจว่าจะแวะตอนขากลับ แล้วผมจะเล่าให้อ่านที่บล็อก “ ชำนาญ ไปวัด ” คอยติดตามกันนะครับ

        “ทะเลน้อย” อันเป็นส่วนหนึ่งของ "ทะเลสาบสงขลา" ผมเคยมา กิน นอน หลายครั้ง เพราะมีหลานเขยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่นี่ คงไม่ต้องบรรยาย ว่าการมาของผมแต่ละครั้งจะสุขโขสโมสรขนาดไหน งึกๆ งักๆ กลับภูเก็ตทุกครั้งเชียวแหละ

         มาวันนี้ หลานสาวบอกว่า หลานเขย ไปปฏิบัติภารกิจดับไฟอยู่ที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ผมเสียความตั้งใจนิดเดียว ซึ่งก็ไม่ได้บอกให้พรรคพวกรู้ตั้งแต่ต้น จึงเสียความตั้งใจไม่มาก ความจริงตั้งใจว่าเมื่อมาถึงแล้วจะชวนพรรคพวก นอนซึมซับบรรยากาศที่ "ทะเลน้อย" ซักคืน กับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ไม่เลวที่เดียว

        หลังจากทักทาย พูดคุยกับหลานสาวพอเป็นพิธี ก็พาพรรคพวกเดินเข้าไปภายในเขตที่ทำการอุทยาน ในฐานะคนคุ้นเคยพื้นที่ ติดตามมาครับ ดูภาพภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝนประกอบไปด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------
จากลานจอดรถก็จะเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยวต่อจากนั้นก็เป็นจุกชมวิว
ด้านหลังศาลาชมวิวจะเป็นตำหนัก
-----------------------------------------



ภาพซ้ายจุดชมวิวและดูนกส่วนภาพขวาเป็นศาลาพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว
และเป็นท่าเรือที่จะไปท่องทะเลน้อย

----------------------






ซ้าย-ขวา เป็นที่ทำการอุทยานและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งห้องส่วนตัวและหมู่คณะ
ซึ่งผมมาตีลังกาหลายหน

----------------------------------------

กุ่มน้ำ งอกขึ้นมาจากในน้ำตามชื่อ ขึ้นอยู่ทั่วไปมีลูกแต่ไม่แน่ใจว่ากินได้หรือเปล่า เพราะไม่เคยลอง

----------------------------------------
พวกเราอยู่ภายในบริเวณอุทยานไม่นานนัก เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย ฝนพรำตลอดเวลา
จึงชวนกันออกมา เพื่อไปที่สะพานเอกชัย ที่อยู่ไม่ไกล เป็นสะพานเชื่อม ระหว่างฝั่ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุงกับ อ.ระโนด จ.สงขลา มีความยาวหลายกิโลเมตร


ถนนเฉลิมพระเกียรติ์ ๘๐ พรรษา(ชาวบ้านเรียกว่าสะพานเอกชัย)เป็นต้นทางของสะพานที่จะข้ามไป
อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งมองเห็นลิบๆ อยู่ทางทิศตะวันออก


--------------------------------------

จากบนสะพาน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกฝั่ง อ.ระโนด ด้านซ้ายมือเป็นทิศเหนือ ที่ขอบฟ้าสุดสายตาคือ "ป่าพรุควนเคร็ง" ที่ "ไฟของนายทุน "กำลังเผาผลาญบรรลัยวายวอด(ขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้อยู่ไฟยังไม่ดับ)เพื่อเอาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน

------------------------------------

ธรรมชาติที่บริสุทธิผุดผ่องและวิถีชีวิตชาวบ้านที่แสนงดงาม ในทะเลน้อยของทะเลสาบสงขลา
อยากไปอยู่ขนำ ที่มองเห็นไกลๆนั่นซักเดือนเพื่อสงบจิตใจ อาจจะปลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

-------------------------------------------

เมื่อจับ กุ้ง หอย ปู ปลา ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นได้แล้ว ก็เอาไปแปรรูปและนำมาวางขายที่เพิงริมถนนนั่นแหละให้นักท่องเที่ยว ได้ซื้อหา ในราคาไม่แพงเพื่อเป็นของฝากเพื่อนฝูงและญาติมิตรทางบ้าน
-------------------------------------------

จากหัวสะพานฝั่งอ.ระโนด มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นทิวเขาบรรทัดอันเป็นเทือกเขาเขตแดนกั้นระหว่าง จ.พัทลุงและ จ.ตรัง

-----------------------------------------
เกือบสองชั่วโมงบนสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลน้อย" แล้วพวกเราก็จากมา เพื่อไปยัง "วัดเขาอ้อ" อันเป็นสำนักตักศิลาร่ำเรียนวิชาของ "ขุนพันธุรักษ์ราชเดช" ผู้มีฉายา "มือปราบหนวดแดง" ที่ลือลั่นเมื่ออดีตไม่นานและเจ้าตำหรับผู้สร้าง "จตุคาม-รามเทพปี๓๐" อันลือชื่อ
ติดตามต่อไปครับท่านผู้ชม ที่บล็อก "ชำนาญ ไปวัด" โดย ชำนาญ ณ.อันดามัน

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
-------------------------------------------------------------------------------


หมายเหตุ...สำหรับข้อมูลรายละเอียดต่างๆของ "ทะเลน้อยคลิกที่นี่ครับ"


--------------------------------------------------------------------------------


--------------------------------------------------------------------------------

พื้นที่แสดงความคิดเห็น


(กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ ขอบคุณ)
-------------------------------------

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไปปากพนัง ดูคอนโดนก

นกนางแอ่น ที่ ปากพนัง
------------------------
เมื่อ วันที่ 30 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ผมถูกพรรคพวก ลากไปงานศพ ที่อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราช ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่าตัดตา ออกจากโรงพยาบาลมาได้แค่ 10 วัน

คนเฒ่า คนแก่ สมัยก่อนเชื่อกันนักหนาว่า ใครก็ตามที่มีแผลสดหรือเพิ่งจะทำการรักษาผ่าตัดตามาใหม่ๆ ยังไม่หายดี ห้ามไม่ให้ไปงานศพเป็นอันขาด จะทำให้หายช้าหรือไม่หายเลย แต่จะเป็นเพราะเหตุผลอันใดนั้น ไม่จะแจ้ง

สำหรับผมนั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็บอกไม่ได้ ใจจริงนั้นก็ไม่อยากจะไป เพราะต้องการพักรักษาตาให้หายไวๆ และเสียวๆตามคนแก่ว่าด้วย แต่ก็ขัดพรรคพวกไม่ได้ เพราะมีสาเหตุอยู่ว่า พวกเขาที่จะไปกันนั้นมี ผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน และผู้ชาย 1 คนขับรถไม่เป็น ส่วนคนที่ขับรถเป็น เพิ่งจะผ่าตัดต่อเส้นเอ็นเท้าข้างขวายังต้องใช้ไม้เท้าเดินค้ำยัน เพราะฉะนั้น จึงมีแต่ผู้หญิงคนเดียวที่ขับรถได้ เขาจึงขอร้องแกมบังคับให้ผมไป เพื่อว่าจะได้ช่วยขับรถ ทั้งที่ผมต้องใส่แว่นกันแดดและต้องหยอดตาทุก 3 ชั่วโมง ซึ่งเขาบอกว่ายังดีกว่า ให้ผู้หญิงขับจาก ภูเก็ต ถึง ชะอวด ระยะทางไม่ต่ำกว่า 400 กิโลเมตร เป็นอันว่าผมจึงต้องไป

วันนั้น เราออกจากภูเก็ตตอนเช้า ประมาณ 8 โมงครึ่ง โดยผู้หญิงเป็นคนขับรถ แต่พอข้ามสะพานสารสินมาได้แค่ 200 เมตร เธอก็จอดรถ แล้วบอกว่า ไม่ไหวแล้ว เจอแดดอ่อนๆเข้าทำท่าจะหลับใน เพราะเมื่อคืน ตี รัมมี่ ดึกด้วย แล้วเธอก็ลุกขึ้นออกจากที่นั่งคนขับ ไล่ให้ผมไปนั่งแทน

เสร็จเธอ เป็นอันว่าผมก็ต้องรับหน้าที่เป็น โชเฟอร์ ต่อจากเธอตั้งแต่บัดนั้น และเมื่อผมออกรถมาได้ไม่เกิน 10 นาที เธอก็กรนฟี่ จริงๆ นี่ถ้าผมไม่มาด้วย พวกนี้จะไปถึงงานศพหรือเปล่า ยังน่าสงสัย.!?

ผมใช้เส้นทาง จากสะพานสารสิน ก่อนเข้าตัวเมือง พังงาเลี้ยวขวา เข้าเส้นอำเภอทับปุด ที่ปรับปรุงเป็น 4 เลน มา 4ปีแล้วยังไม่เสร็จซักที ไม่รู้ว่าติดขัดอะไรตรงไหน ทั้งๆที่ระยะทาง 20 กว่ากิโลเมตร

ก่อนถึงอำเภอทับปุดประมาณ 3 กิโลเมตร ผมเลี้ยวขวาเข้าสายทางลัด ผ่านสวนปาล์ม ไปออกอำเภออ่าวลึก ขึ้นสาย 4 เพชรเกษม ผ่านตลาดเก่า กระบี่ แล้วไปเลี้ยวซ้ายก่อนถึงตลาดคลองท่อม และอำเภอลำทับ จ.กระบี่ ใช้เส้นนี้ไปจนถึง อำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นเขาควนหนองหงส์ จอดถ่ายรูปที่จุดชมวิว ซึ่งสวยมาก ทิวทัศน์เหมือนภาคเหนือ
จุดพักรถ ชมวิวบนควนหนองหงส์
-----------------------------------

ถ้าสังเกตุให้ดี จะเห็นควันไฟลอยขึ้นเป็นกลุ่มๆ จากป่าพรุเคร็ง
----------------------------------
ลงจากเขาที่นั่นจนมาถึง สี่แยกกะปาง (ตัดสายทุ่งสง-ห้วยยอด) อีก 49 กิโลเมตร ก็พบกับถนนสายเอเชีย(สาย41 ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่) เลี้ยวซ้ายแล้ว ยูเทินขวา แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที เข้าเส้นไป อ.ชะอวด ไม่เกิน 20 นาที ก็ถึงงานศพ

สรุปว่า ผมขับคนเดียวจนถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งต้องจอดพักสายตาหลายครั้ง กว่าจะมาถึงและใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า รู้สึกปวดในกระบอกตาหนึบๆ และหิวข้าวด้วย

เมื่อพวกเรามาถึง ทางเจ้าภาพ ก็กุลีกุจอ ต้อนรับด้วย น้ำท่า ข้าวปลาอาหารจนอิ่มหนำ แล้วผมก็งีบไปพักหนึ่ง

ตื่นขึ้นมาอีกที บ่าย 2โมงครึ่ง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะค่ำ และกว่าจะถึงเวลาพระสวดอภิธรรม จึงคิดกันว่าน่าจะไปเที่ยว อำเภอปากพนัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เป็นอันว่า 3 คนเห็นด้วย แต่อีกคนไม่ไป สาเหตุเพราะเขาเป็นหลานผู้ตาย จึงต้องอยู่คอยรับแขกในถานะเจ้าภาพ และผมจะต้องเป็น สารถี อีกตามเคย

ผมใช้เส้นทาง ชะอวด-บ่อล้อ-เชียรใหญ่-ปากพนัง(ผ่านป่าพรุเคร็งซึ่งวันนั้นไฟเพิ่งจะเริ่มไหม้ แต่ตอนขากลับบางช่วงของถนนต้องเปิดไฟหน้ารถเพราะควันไฟมาก ยังนึกเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)ไม่เกินชั่วโมงก็ถึงสะพานข้าม แม่น้ำปากพนัง จากฝั่งตะวันตกข้ามไปฝั่งตะวันออก


สะพานข้ามแม่น้ำปากพนัง ถ่ายจากฝั่งตะวันตก
---------------------------------
ข้ามสะพานไปฝั่งตะวันออกเลี้ยวซ้าย เข้าไปในตัวเมืองเทศบาล ผมจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ในวัดใกล้ๆตลาด แล้วก็ชวนกันเดินชมเมือง

ผมไม่ได้มาปากพนัง หลายปี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจาก คอนโดนกนางแอ่น ที่เพิ่มขึ้นมาหลายหลังและราคาหลังล่ะหลายสิบล้าน ฟังว่าเป็นธุรกิจที่ดี หลังจากการสิ้นสุดธุรกิจในยุคการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา
หลังนี้อยู่ตรงเชิงสะพานฝั่งตะวันออก
---------------------------------
หลังนี้อยู่ถนนทางไปชายทะเล
---------------------------------
กับการสร้างคอนโดมิเนียมให้ นกนางแอ่น เข้าไปอยู่ทำรังก็ใช่ว่าจะประสพความสำเร็จทุกคน บางหลังสร้างอย่างอลังการ ครบถ้วนกระบวนความตามสูตร ตามตำราเป๊ะ แต่นกไม่ยอมเข้าไปทำรัง ก็เลยต้องกลายเป็นตึกร้างไปตามระเบียบ แต่ที่เป็นบ้านอยู่อาศัยธรรมดาๆ ไม่ได้ตกแต่งสร้างสรรค์อะไรเลย นกกลับเข้าไปอยู่อาศัย ทำรังมากมาย จนทำให้เจ้าของบ้าน เก็บรังนกขาย ร่ำรวยเป็นเศรษฐีโดยไม่ตั้งใจก็หลายราย

นี่แหละหนาโบราณเขาถึงว่า แข่งเรือ แข่งพาย พอได้แข่ง แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั้นมันแข่งกันไม่ได้ โยม.

ตึกบางหลังเป็นสถานที่ราชการแต่นกมันถูกอกถูกใจ ชวนกันเฮ เข้าไปอยู่อาศัยทำรัง จนเจ้าหน้าที่ราชการ จำใจต้องย้ายไปหาที่ทำงานที่อื่นก็มี
หลังนี้เป็นสถานที่ราชการอยู่กลางตลาดปากพนัง นกมาแย่งอยู่ เจ้าหน้าที่เลยต้องย้ายออก

***หมายเหตุ...มีท่านผู้อ่านท่านหนึ่งได้กรุณาแนะนำให้ข้อมูลกับผมในภายหลังว่า เป็นตึกที่สร้างบนพื้นที่ของราชพัศดุจึงมีตราครุฑ (ขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ)***
-------------------------
ผมพอจะหาข้อมูลราคารังนก มาให้ท่านๆ ได้ดูกันพอประดับความรู้ นิดหน่อย ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะฟังมาว่า ราคารังนกมีหลายเกรด หลายราคา แตกต่างทั้งที่มาของแหล่งรังนกและสายพันธุ์ของนก (นกนางแอ่นทะเลมีหลายสายพันธุ์) อีกทั้งราคาก็ขึ้นลงเหมือนตลาดหุ้นด้วย จึงเอาเป็นข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอนไม่ได้ครับ แฮะ แฮะ... ออกตัวไว้ก่อน

นกนางแอ่นพันธุ์ต่างๆ

---------------------------------
---------------------------------
---------------------------------
เขาว่า กันว่า...

รังนก เกรด AA อยู่ที่ กิโลกรัมล่ะ แสน กว่าบาท

เกรด A ต่ำลงมา 70,000 ถึง 75,000 บาท

ต่ำสุด B ก็ กิโลกรัมล่ะ 50,000 และ 55,000 บาท

ราคาที่แตกต่าง เขาดูจากความ สะอาดและความสวยของรังนกด้วย

ผิดถูกอย่างไร ไม่ยืนยันนะครับ เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย

(ถ้าต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ค้นหาดูตามเว็บไซต์ต่างๆได้ครับ)
---------------------------------
รังนกชนิดต่างๆ

---------------------------------

---------------------------------
---------------------------------
----------------------------------
พวกเรา เดินเข้าไปในตลาดสด ริมแม่น้ำปากพนัง ที่มีทั้งผัก ผลไม้ ของทะเลสดๆ ประเภทกุ้ง หอย ปู ปลาและของแห้ง จากทะเลมากมาย หลายหลาก ทุกๆอย่างราคาไม่สูงมากนัก ถ้าเทียบกับที่ภูเก็ต อย่างเช่นปลากดทะเล กิโลกรัมล่ะ 80 บาท แต่ถ้าเป็นที่ภูเก็ต กิโลฯล่ะเกือบ 200 และปลาหลายชนิด จะไม่มีทางฝั่งทะเลอันดามัน จากการที่ผมได้พูดคุยกับแม่ค้า เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้ปลาค่อนข้างหายาก ราคาจึงแพงขึ้น
ปลาหลากชนิด สดๆจาก ทะเลปากพนัง
---------------------------------
ของแห้งจากทะเล มีให้เลือกหลากหลายชนิด
---------------------------------
ริมแม่น้ำปากพนังข้างตลาดสด ยังมีท่าเทียบเรือข้ามฟากของเทศบาลเมืองปากพนัง มีเรือวิ่งบริการรับ-ส่ง ผู้โดยสาร ที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งริมแม่น้ำ 2 ลำ สลับกันออก ทุกๆ 10 นาที เท่าที่ผมสังเกต เห็นมีผู้โดยสาร เที่ยวล่ะหลายคนเหมือนกัน ผมสอบถามราคาค่าโดยสาร จากแม่ค้าแถวนั้น ได้ข้อมูลมาว่าเขาเก็บค่าเรือคนล่ะ 1 บาทเท่านั้น ก็นับว่าถูกมากถ้าเทียบกับระยะทาง ความกว้างของแม่น้ำ 200 กว่าเมตร

ท่าเรือข้ามฟาก อยู่ติดตลาดสด
---------------------------------

ค่าโดยสาร เมื่อ พ.ศ.53 คนล่ะ 1 บาทเท่านั้น
---------------------------------

เรือออกทุก 10 นาที
---------------------------------
เราออกจากตลาดสด แดดอ่อนมากแล้ว ตั้งใจจะไปหาสมหวังสักหน่อย เพราะว่าเมื่อมาปากพนังแล้วไม่ไปหาสมหวังก็เหมือนไปภูเก็ตแล้วไม่ไปแหลมพรหมเทพ ฉันใดก็ฉันนั้น

ออกจากตลาด ไปเลี้ยวซ้ายที่หัวสะพานข้ามแม่น้ำฝั่งตะวันออก ตรงไปตามถนนที่จะไปชายทะเล ประมาณไม่เกิน 10 นาที เราก็ได้พบคุณสมหวังอย่างตั้งใจ
คุณสมหวัง วางขายอยู่ริมถนน ทางไปชายทะเล ถุงล่ะ 20 บาท
---------------------------------

นี่แหละครับ คุณสมหวังหรือแห้วหมู ซึ่งมีที่ปากพนังที่เดียว
------------------------------------------------------
เวลาเย็นมากแล้วอากาศครึ้มฟ้า ครึ้มฝนด้วย เมื่อได้สมหวังก็รีบกลับรถข้ามสะพานมาฝั่งตะวันตก เลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปเก็บภาพภายในบริเวณพระตำหนักปากพนัง (พระราชวังไทยถิ่นใต้)ไว้เป็นที่ระลึก

แต่วันนี้ โชคไม่ดี บังเอิญพระองค์ภาเสด็จมาที่พระตำหนักพอดี จึงทำได้แค่ ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่อารักขา อยู่หน้าทางเข้าตำหนัก ถ่ายภาพทางเข้ามาได้มารูปเดียวจริงๆ ขอขอบคุณตำรวจตรงนั้นที่ยอมให้จอดรถไม่เกิน 2 นาที ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นไปไม่ได้เลย
ประตูพระตำหนัก พระราชวังไทยถิ่นใต้ จะเห็นธง สีประจำพระองค์ภาฯ
---------------------------------
ไว้มาครั้งหน้าคงได้ เข้าไปภายในบริเวณพระตำหนัก และตั้งใจว่าจะไป เขื่อนอุทกวิภาชประสิทธิด้วย

แล้วเราก็กลับมาถึงงานศพทันเวลาพระสวดอภิธรรมพอดี แต่สำหรับผมมีคนแก่คนหนึ่ง ที่แกรู้ว่าผมเพิ่งจะผ่าตัดตามา บอกว่าไม่ต้องเข้าไปหรอก อยู่ห่างๆไว้หน่อยก็ดี ไม่มีใครว่าอะไรหรอก

ครับผมเชื่อฟังแกแต่โดยดี.!

คืนนั้น ผมนอนที่บ้านอีกหลังซึ่งห่างจากบ้านงานศพพอสมควร

9 โมงเช้า ของวันที่ 31 พ.ค. เราเดินทางกลับภูเก็ต โดยผมขับรถอีกตามเคย เพราะกลับกันแค่ 2 คน อีก 2 คน จะอยู่จนเผาศพเสร็จแล้วจึงจะกลับ

ขากลับยังมีเรื่องเล่าตลอดทาง คอยติดตามต่อไปครับ สวัสดี

ชำนาญ ณ.อันดามัน
***ปรับปรุง แก้ไข เมื่อ ม.ค.54***

--------------------------------------------------------------------------


ทำความรู้จักกับ ปากพนัง พอสังเขป

(อันนี้ลอกเขามาล้วนๆ จากวิกิพีเดียบ้าง จากเว็บไซต์ของทางการบ้าง ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี่ด้วย)

เทศบาลเมืองปากพนัง ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปทางทิศตะวันออก ติดต่อกันทางรถยนต์โดยทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4013 (ปากพนัง-นครศรีธรรมราช) ระยะทาง 35 กิโลเมตร และห่างจากทะเลฝั่งอ่าวไทย 5 กิโลเมตร

ที่ตั้งและอาณาเขต

อำเภอปากพนังตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้

ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวไทย

ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอหัวไทร อำเภอเชียรใหญ่ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ

ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

ประวัติความเป็นมา

อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีแม่น้ำปากพนังกั้นกลางสองฝั่ง ซึ่งได้แยกเป็นฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ตำบลฝั่งตะวันออกได้ตั้งอยู่ทางซีกฝั่งตะวันออกของอำเภอปากพนัง มีจำนวนหมู่บ้านทั้งสิ้น 6 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่1บ้านชายทะเล หมู่2 บ้านบางฉนาก หมู่3 บ้านบางหว้า หมู่4 บ้านปากแคร หมู่5 บ้านต้นงิ้ว หมู่6 บ้านบางมะพร้าว หมู่7 บ้านอ่าวเคียน

เมืองปากพนัง เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล และมีอ่าวภายในบริเวณปากแม่น้ำปากพนัง เหมาะแก่การเดินเรือ และทำการกระจายสินค้าต่อไปยังหัวเมืองสำคัญอื่นๆ ทำให้สภาพเศรษฐกิจในสมัยก่อนเฟื่องฟูมาก เนื่องจากมีสำเภาจากเมืองจีนและเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มาเทียบท่าและกระจายสินค้า และนอกจากนี้ยังปรากฏในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)ในคราวเสด็จเยือนเมืองปากพนังเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2448 ความตอนหนึ่งว่า "อำเภอปากพนังนี้ได้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นที่สำคัญอย่างไร แต่เมื่อไปถึงฝั่งรู้สึกว่าตามที่คาดคะเนนั้นผิดไปเป็นอันมาก ไม่นึกว่าจะใหญ่โตมั่งมีถึงเพียงนี้" และอีกตอนหนึ่งว่า "เมื่อ จะคิดว่าตำบลนี้มีราคาอย่างไรเทียบกับเมืองสงขลา เงินผลประโยชน์แต่อำเภอเดียวนี้น้อยกว่าเมืองสงขลาอยู่ 20,000 บาทเท่านั้น บรรดาเมืองท่าในแหลมมาลายูฝั่งตะวันออกเห็นจะไม่มีแห่งใดดีเท่าปากพนัง

การเดินทางไป อำเภอปากพนัง

รถยนต์

เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม)กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 41(สายเอเชีย) ผ่านสุราษฎร์ธานี-ทุ่งสง-ร่อนพิบูล จนถึงนครศรีธรรมราช หรือ ถึงอำเภอพุนพิน เลี้ยวซ้ายเข้า สุราษฎร์ธานีแล้วใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเล ผ่าน อ.กาญจนดิษฐ์-ขนอม-สิชล-ท่าศาลาไปจนถึงนครศรีธรรมราช-ปากพนัง

ทางรถไฟ

จากสถานีรถไฟหัวลำโพง มีขบวนรถเร็ว และรถด่วน ไปนครศรีธรรมราช สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.

223-7010, 223-7020 หรือสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช โทร. (075) 356364

รถโดยสารประจำทาง

มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของ บขส และของเอกชน ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่

พุทธมณฑล บางบริษัท สุดสายที่นครศรีธรรมราช บางบริษัท สุดสายที่ อ.ปากพนัง ก็มี สอบถาม

รายละเอียดได้ที่ โทร.02-435-1199(รถปรับอากาศ)

และโทร. 02-434-5557-8 (รถโดยสารธรรมดา)

ทางเครื่องบิน

การบินไทย มีเที่ยวบินไป/กลับนครศรีธรรมราชทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด

โทร.02-280-0060 และ การบินไทยนครศรีธรรมราช โทร. (075) 342491,(075) 342491

การคมนาคมภายในตัวจังหวัด

มีรถสองแถววิ่งบริการรอบเมือง จากนครศรีธรรมราชไปสู่จังหวัดข้างเคียง สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งรถตู้ รถแท็กซี่ รถโดยสาร รถไฟ

การเดินทางจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชไปยังอำเภอต่างๆ

ปากพนัง 36 กม. เฉลิมพระเกียรติ 22 กม.

ท่าศาลา 28 กม. ลานสกา 21 กม.

ชะอวด 71 กม. ร่อนพิบูล 32 กม.

สิชล 66 กม. พิปูน 93 กม.

เชียรใหญ่ 52 กม. จุฬาภรณ์ 50 กม.

ขนอม 100 กม. ทุ่งสง 55 กม.

หัวไทร 66 กม. บางขัน บางขัน

พรหมคีรี 21 กม. ทุ่งใหญ่ 102 กม.

กิ่งอำเภอช้างกลาง 50 กม. ฉวาง 71 กม.

อำเภอนบพิตำ 50 กม. ถ้ำพรรณรา 107 กม.

การเดินทางจากนครศรีธรรมราชไปยังจังหวัดใกล้เคียง

สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 130 กม.

ตรัง ระยะทาง 131 กม.

พัทลุง ระยะทาง 135 กม.

สงขลา ระยะทาง 187 กม.

กระบี่ ระยะทาง 336 กม.

----------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลโรงแรม ที่พัก อ.ขนอมและในเมืองนครศรีธรรมราช
---------------------------------------------------------------------------------

พื้นที่แสดงความคิดเห็น

คลิกที่นี่ ฝากข้อความ ฝากลิงก์

(กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครัย ขอบคุณ)
--------------------------------------