อ่านเรื่องเก่าๆ

เรื่องเก่าๆเขียนไว้เล่นๆที่ http://chamnarn.buddythai.com/   ตั้งแต่เริ่มต้น เก็บมาไว้ เผื่อใครอยากอ่านเล่นๆ


-------------------------------------------------
เขียนถึง โกศล อนุสิม ที่ http://http://www.kosoltalk.com/

มัวแต่ไป รบกับ ทาก,ลิง และ ฝรั่งเจ้าอารมณ์ อยู่ในป่าเขาสก ก็เลยตกข่าว ไม่รู้ราว รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย เพิ่งจะมารู้ เอาเมื่อสัก 10 นาที มานี่แหละ ว่า คุณน้องโกศล อนุสิม ก็มีวันเกิด กับเขาด้วย และก็ตั้งแต่ วันที่ 17 พ.ย. นู่น ดูสิผ่านมาตั้งกี่วันแล้ว อย่าเพิ่งน้อยใจน่ะ คุณน้องน่ะ ขออวยพรวันเกิด ย้อนหลังให้ก็แล้วกัน

ขอให้คุณน้อง มีความสุข กับตัวเลขของอายุที่เพิ่มขึ้น แต่..อย่าลืม.! ความทุกข์ ของมารดา ตั้งแต่วันที่เราเกิดมา จนถึงบัดนี้และต่อไป

และอย่าลืม.! ความทุกข์ ของ ภรรยาและบุตร ตั้งแต่วันแรก ที่เขาอยู่กับเรา จนถึงบัดนี้และต่อไป

อย่างไรก็ตาม อย่าประมาทกับชีวิตและขอให้สมปราถนากับก้าว ต่อๆไป ของชีวิต…

เอา เข้าไป อวรพรเป็นพระเทศน์ จนได้ อย่าคิดมากน่ะคุณน้องน่ะ แล้วจะส่งของขวัญ วันเกิดมาให้

ตัวพี่เอง ลืมไปตั้งนานแล้วว่าเกิดวันที่เท่าไหร่.? เพราะมันหลายรอบ เหลือเกิน จนไม่อยากจะจำ.! หึ หึ

ด้วยความปราถนาดี จากพี่คนนี้

24 พ.ย.2552
----------------------------------------------

เขียนตามที่คิดจริงๆ

*นาย Rohloef Jeck นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน อายุ 58 ปี ทนเห็นสภาพห้องน้ำสาธารณะ

ที่สวนอนุสรน์สถานรำลึกสึนามิ หาดกมลาสกปรกไม่ไหว ลงทุนซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด

และลงมือล้างขัด ด้วยตนเอง อย่างไม่รังเกียจ.*



Mr.Rohloef Jeck
-------------------------------------

ข้อความด้านบน เป็นข้อความ ที่คุณ NIRUJSuriya(tcspresent_pk@hotmail.com)

Mail มาถึงผม เมื่อ 27 พ.ย. พร้อมกับแนบรูปถ่ายมาด้วย 4 รูป


-------------------------------------


-------------------------------


--------------------------------------

ผมไม่เคยรู้จัก คุณผู้ส่ง FW- Mail ให้ผมท่านนี้มาก่อน แต่ก็ต้องขอขอบคุณ ใว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ

ผมคิดว่า ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของ คุณคนนี้ได้ ว่าท่านมีเจตนาอย่างไร (ซึ่งโดนใจผมมากๆ) ถ้าผมคิดไม่ผิด ท่านคงต้องการจะเผยแพร่ ให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า คนที่มีจิตสำนึกที่ดีนั้น ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี โดยไม่หวัง ชื่อเสียง และสิ่งตอบแทน ใดๆ และคุณคนนี้คงต้องการจะสื่อ ให้เห็นถึงว่า คนที่คิดในสิ่งดีๆ ทำสิ่งที่ดีๆ มีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมนั้น เขาย่อมไม่คำนึงว่า เขาเป็นใคร? มาจากไหน? และที่เขาทำไปนั้น ทำที่ไหน? ทำเพื่อใคร?

ผมได้เคยสัมผัสกับฝรั่ง ชาวต่างชาติ มาตั้งแต่ ปี 2521 ขณะนั้น ผมทำงาน เป็นพนักงานเสิร์ฟ อยู่ใน ค๊อฟฟี่ช็อป ของโรงแรมราชา ซอยนานาใต้ สุขุมวิท สมัยนั้น ซอย3, ซอย4 ถนนสุขุมวิท เป็นแหล่งที่ ฝรั่งชาวยุโรป ชอบมาพักกันมาก (เดี๋ยวนี้เป็นแหล่งของพวกตะวันออกกลางไปแล้ว) โดยเฉพาะ ที่โรงแรมราชา จะมีเปอร์เซ็น ของชาวเยอรมัน เข้ามาพักค่อนข้างสูง เพราะที่นั่นมีอะไรๆ (พิเศษหลายอย่าง) ที่เขาต้องการ อย่างเช่น สถานที่ค่อนข้างหรู บริการดี ราคาที่พักปานกลาง

ผมมีประสพการณ์ กับที่นั่นมากมาย ทั้งที่ดี และไม่ดี(ซึ่งจะสงวนสิทธิ์ไม่บอก) ส่วนที่ดีคือได้หัดพูดภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้ นิสัย ใจคอ ประเพณี วัฒนธรรม ของฝรั่ง แต่ล่ะชาติ ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเยอรมัน ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้น้อย พอๆกับผมในขณะนั้น ที่พูดภาษาอังกฤษ สเน็คๆ ฟิ๊ชๆ บางครั้งถึงขนาดต้องวาดรูปให้ดูกันก็ยังมี แต่ก็พอจะเข้าใจกันได้ บางคนเล่าให้ผมฟังว่า ในประเทศเยอรมันของเขา พนักงานที่ทำงาน ตามห้างร้าน,บริษัท,หรือโรงงานอุตสาหกรรม เขาไม่มีเครื่องตอกบัตร ลงเวลากันหรอก เพราะทุกคนจะตรงต่อเวลามาก ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้าทำงาน เวลาพัก เวลาเลิกงาน พวกเขาจะตรงต่อเวลาเป๊ะทุกคน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าคนเยอรมัน เป็นคนมีระเบียบ มีวินัย มีคุณภาพ ทำให้ประเทศของเขาเจริญกว่าประเทศใดๆ ในขณะนั้น

ผมจึงไม่แปลกใจ ที่ได้เห็นรูปที่ Mr.Rohlaef Jeok ล้างส้วม อยู่ที่ หาดกมลา ภูเก็ต เพราะผมสัมผัสกับ ฝรั่ง หลายชาติ หลายภาษา มาหลายสิบปี เขาพัฒนาทางด้านจิตใจมานานแล้ว(บางชาติก็ไม่ได้ดีกว่าเราสักเท่าไหร่ แถมบางคนแย่กว่ามากๆ) แต่บทนี้ผมเล่าเรื่องดีๆครับ เรื่องไม่ดี ค่อยเล่าบทอื่น

ฟังว่า บางประเทศ มีคุก แต่ไม่มีนักโทษจะขัง เสียดายงบประมาณที่สร้างคุก น่าจะบริจาคคุกให้ประเทศไทยมาใช้บ้าง ประเทศไทยยังขาดคุกเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่า ยังมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนไทยยังพัฒนาทางด้านจิตใจ ขึ้นฮวบๆ ตลอดเวลา..?

อนิจจาประเทศไทย ผมจะต้องตายไปและเกิดอีกกี่ชาติ จึงจะได้เห็นคนไทย ทุกคนมีคุณภาพแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักการเมือง คงจะไม่หมดพันธุ์ ไปง่ายๆเป็นแน่.

--------------------------------------------------
บทกลอน อวยพรปีใหม่ ๒๕๕๓


…………….สวัสดี ปีใหม่ ในปีนี้

ขอน้องพี่ ชาว Site ใจสุขสันต์

ปราศจาก โรคภัย ใดใดพลัน

ประสพฝัน โชคดี ที่ตั้งใจ

Webmaster, Blogger เธอทั้งหลาย

ที่มั่นหมาย สร้างฝัน อันยิ่งใหญ่

ให้สำเร็จ ลุล่วง ขจรไกล

ขายสิ่งใด ขายได้ กำไรดี

ติด Adsense เลื่องชื่อ ลือประจักษ์

Pay per click ตระหนัก ได้เต็มที่

Affiliate โดนใจ ประชาชี

Amazon ของดี มีถูกใจ

เขียนบทความ ใหม่ใหม่ ให้คนอ่าน

สร้างตำนาน ผูกใจ ไม่คิดหนี

ข้อคิดเห็น Comment เรื่องดีดี

ชาว I.T. World Wide สบายใจ.

ในวาระดิถี ขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๕๓ นี้ ชำนาญ ณ.อันดามัน ขออาราธนา คุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วสากลโลก พระสยามเทวาธิราช และ พระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงรวมเป็นพลัง ดลบันดาล ให้พี่น้องไทย ทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา ทุกภาคพื้นของประเทศ จงประสพแต่โชคดีโดยถ้วนหน้า และขอให้ผ่านพ้น อันตรายจาก ภัยธรรมชาติทั้งปวง,ภัยเศรษฐกิจ,ภัยสังคม และภัยการเมืองจากนักการเมือง ทั้งในและนอกประเทศด้วยเทิญ.

ด้วยความปรารถนาดี จากใจจริง

ชำนาญ ณ,อันดามัน

มกราคม ๒๕๕๓



-----------------------------------------------------
ของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๓ จาก โกศล อนุสิม

ของขวัญ ปีใหม่ ๒๕๕๓

-----------------------------------------

จั่วหัวเรื่องแบบนั้น ความหมายก็คงเป็นแบบนั้น แต่โดยเจตนารมณ์ ที่แท้จริงของ คุณน้อง โกศล อนุสิม ไม่ได้หมายความแบบนั้น

คุณน้อง โกศล ตั้งใจจะให้ของสิ่งนั้นกับผม ก่อนปีใหม่หลายวัน แต่บังเอิญผมได้รับของสิ่งนั้น ตอนปีใหม่พอดี ความรู้สึกของผม จึงเหมือนได้รับของขวัญปีใหม่จริงๆ และเป็นของขวัญปีใหม่ ที่มีคุณค่า ต่อผมเป็นอย่างมาก ในรอบหลายปี ที่ผ่านมา

ครับ ผมได้รับหนังสือ จาก คุณน้อง โกศล ชื่อ “Word Press กระแทกใจ บล็อกเกอร์ วัยจ๊าบ” เขียนโดย เดชา ไชยเมือง หรือ คุณเดย์ เจ้าของ เว็บไซต์ http://www.idayblog.com/ เป็นหนังสือที่ คุณ เดย์ เขียนอธิบาย ขยายความ ถึงวิธีการสร้าง Blog กับ Word Press ตั้งแต่ ไม่รู้อะไรเลย จนถึงขั้น เทพ และจนถึง Blogger มืออาชีพ

หนังสือเล่มนี้ คุณเดย์ เขียนและพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ ตุลาคม 2550 อาจจะเก่าไปสักหน่อย แต่ก็ยังเป็นคู่มือที่ดี สำหรับผู้ที่คิดจะสร้าง Blog กับ Word Press โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับนาย ชำนาญ ณ.อันดามัน ที่ยังไม่ประสี ประสา กับเรื่อง Blog สักกี่มากน้อย

อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ โกศล อนุสิม เจ้าของ เว็บไซต์ http://www.kosoltalk.com/ ผู้เอื้อเฟื้อมอบให้ และขอบคุณ เดชา ไชยเมือง ผู้เขียนหนังสือ ใว้ ณ.โอกาสนี้ด้วย

ชำนาญ ณ.อันดามัน ขอถือโอกาสอวยพรปีใหม่ ให้กับทั้งสองท่าน และ ครอบครัว จงประสพแต่ความสุข สมหวังในสิ่งที่หวัง, มีลาภ, มีเกียรติ, ปราศจากโรคภัย และ ศรัตรู หมู่ อมิตร ทั้งหลาย ทั้งปวงด้วยเทอญ

จากใจจริงของ ชำนาญ ณ.อันดามัน

4 มกราคม 2553

------------------------------------------

เมื่อ ชำนาญ ณ.อันดามัน เป็น ลูกศิษย์ แป๊ะกง

พิธีทรงเจ้าแป๊ะกง ลูกศิษย์ ชำนาญ ณ.อันดามัน(เสื้อขาว)
----------------------------------

เรื่องนี้ไม่ได้เล่า ให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อ ศรัทธาหรือไม่ศรัทธา เพียงเล่าให้อ่านเรื่อง ตกกระได พลอยโจน ของผมเท่านั้นเอง แต่สำหรับผม ถึงอย่างไรก็ยังเชื่อคำพูดของคนโบราณ อยู่บ้างว่า “ไม่เชื่อจงอย่าลบหลู่” สำหรับท่านผู้อ่าน โปรดใช้ วิจารณญาณ เอาเองน่ะครับท่าน

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 52 ที่ผ่านมา ผมอยู่ที่ โรงขายทัวร์ หาดลายัน ช่วงตอนเย็น ได้รับการชักชวนจาก พรรคพวก ให้ไปร่วมพิธี ทรงเจ้า แป๊ะกง อันเป็นเทพเจ้า ตามความเชื่อของคนจีนมาตั้งแต่โบราณ เป็นการเชิญมาเพื่อ ดูโชคชะตา และเสริมดวงให้กับผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส ต่อ เทพแป๊ะกง องค์นี้

ตอนแรกที่ได้รับ โทรศัพท์ ผมตอบปฏิเสธ ด้วยเหตุผล ความไม่สะดวกหลายประการ จนเวลาผ่านไป เกือบ สองทุ่ม พวกก็โทรมา คะยั้น คะยออีก จนผมทนตื้อไม่ไหว จึงต้องตอบ ตกลงว่าจะไป แต่จะอยู่ร่วมพิธีด้วยไม่นาน

ผมออกจาก หาดลายัน มาถึงบ้านที่จะทำพิธีทรงเจ้าในเมืองภูเก็ต ประมาณ สามทุ่ม เศษ ขณะที่ผมมาถึง เขาจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องเซ่นไหว้ อัญเชิญเทพเจ้า ทุกอย่างพร้อมสรรพเพียงแต่รอฤกษ์ และเจ้าภาพ ที่กำลังเดินทางมาจากโรงแรมที่พัก ในตัวเมือง ภูเก็ต เท่านั้น

ผมได้รับการทักทายจาก ร่างทรง หรือคนทรงเจ้า ด้วยความยินดี และแล้ว..เรื่องเล่าเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น เมื่อคนทรงเจ้า ขอร้องให้ผมช่วยเป็น ลูกศิษย์แป๊ะกง ในการประทับทรงคืนนี้ ผมตกใจ ร้อง เฮ้ย.. ใจหายวาบ ผมนึกในใจ ซี้เลี้ยว แหงๆ รีบปฏิเสธ ว่า “เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เข้าใจ และไม่มีประสพการณ์ในเรื่องนี้”

ด้วยความ สัตย์จริง พี่น้องเอ๋ย ผมมาอาศัย ทำมาหากินอยู่ ภูเก็ต 25 ปีแล้ว ก็จริงอยู่ แต่ผมไม่เคย ถือศีล กินเจ กับเขา แม้แต่สักวันเดียว เทศกาล ถือศีล กินผัก กินเจ แต่ล่ะปี คนภูเก็ต ทั้งเชื้อสายจีน ทั้งไม่จีน ไป อ๊าม ไหว้พระ สวนมนต์ กินอาหารเจ กันทุกคน ส่วนตัวผม กินปลา กินหมู กินไก่ ตามปกติ และไม่เคย เข้าร่วมพิธีกรรมอะไร กับเขาสักอย่าง แล้วอยู่ๆ จะให้ผม ไปเป็น ลูกศิษย์ แป๊ะกง ท่านจะได้หักคอผม ซ่ะปะไร ไม่เอาด้วยหรอก

แต่ ทางร่างทรง ก็ยังยืนยัน ที่จะให้ผมเป็นลูกศิษย์ แป๊ะกง ให้ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีคนอื่น ที่เหมาะสม กว่าผมอีกแล้ว สำหรับการทรงในคืนนี้ ผมถามร่างทรงว่า ผมเหมาะสมยังไง? ร่างทรง บอกว่า แป๊ะกง ท่านชอบกินเหล้า และชอบให้ลูกศิษย์ กินด้วย ผมจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ที่จะเป็น ลูกศิษย์แป๊ะกง ..ฮ้า.ฮ้า..เป็นยังงี้ นี่เอง ผมถึงบางอ้อ แล้วครับท่านผู้ชม ถึงว่า ผม สังเกตุ เห็น รีเจนซี่ ขวดใหญ่ วางอยู่บนโต๊ะ พิธีด้วย แบบนี้ เทพ กับ ลูกศิษย์ บาปหนา อย่างผม น่าจะพอไปกันได้ ฮิ ฮิ..

ผมยังมี ข้อกังขา เรื่องภาษา ที่ใช้สื่อ ระหว่าง ผม กับ แป๊ะกง และคนอื่นๆ ตามความเข้าใจของผมต้องเป็น ภาษาจีนแน่ๆ ซึ่งหูผมไม่กระดิกแม้แต่คำเดียว ร่างทรง บอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น มีคนแปลอยู่ที่นี่แล้ว และลูกศิษย์ อย่างผมก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ภาษาจีน เพราะผมมีหน้าที่ แค่ รินเหล้า รินน้ำชา จุดบุหรี่ หยิบหมากพลู ส่งให้ แป๊ะกง เท่านั้น ซึ่ง แป๊ะกง ใช้วิธีชี้เอาสิ่งที่ต้องการ เป็นสื่อที่เข้าใจง่ายๆ

เป็นอันว่า ผมจำยอม เป็นลูกศิษย์ แป๊ะกง แบบ ตกกระได พลอยโจน จนได้ ต่อจากนั้น ผมต้องผลัดเปลี่ยน เสื้อผ้าเป็นชุดซึ่งเขาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว เป็นชุดเสื้อผ้า คล้ายๆ กับ พวกถือศีล กินผัก หรือ พวก ม้าทรง ที่ใช้เหล็กแหลม แทงปาก ตอนเทศกาล ถือศีล กินเจ นั่นแหละ เมื่อผลัดเปลี่ยน เสื้อผ้าเสร็จสรรพ ผมสำรวจดูตัวเอง เข้าท่าดีเหมือนกัน แฮะ.. ดูขลังไม่เบา ผมนึกครึ้มๆ นี่ เมื่อถึงตอนทำพิธีจริงๆ เกิดมีเจ้า องค์ไหน หลงมา เข้าร่างผม คงสนุกพิลึก

อีก 10 นาที 4 ทุ่ม ก่อน ฤกษ์ทรง เจ้าภาพ ก็มาถึง เป็นผู้ชาย 5 ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 2 คนเป็นชาว สิงค์โป 2 คน อึก 2 คนเป็นคน มาเลเซีย ทั้ง 4 คน อายุ เกิน 50 ปี ฟังว่า ทั้ง 4 คน เป็นเพื่อนกัน มีอาชีพ เกี่ยวกับ บริษัท ตัวแทนขายรถยนต์ ประมาณนี้ ผู้ชาย คนไทยอีกคน อยู่หาดใหญ่ เป็นคนนำมา ส่วนผู้หญิงสาวไทย เป็น กิ๊ก ของคนมาเลย์ ฯ

รวบรัดตัดตอน เมื่อได้เวลา 4 ทุ่มตรง ร่างทรง เข้าประจำที่ ส่วนผมเข้าประจำตำแหน่งลูกศิษย์เอก (เปรียบตัวเองเป็น เหงเจี๊ยะ เชียว) ประมาณ 5 นาที รางทรง เริ่มสั่น พั๊บ พั๊บ แผล็บเดียว ลุกขึ้น ตบโต๊ะ โครม ผมสะดุ้งโหยง ตกใจถอยหลังกรูด เพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก แป๊ะกง มาแล้วครับ ท่านผู้ชม มาถึง หัวเราะ ฮ้า ๆ ๆ แล้วชี้ ไปที่ ขวด รีเจนซี่ เป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นก็ชี้ไปที่กาน้ำชา และบุหรี่ ตามลำดับ คนแปลภาษาที่นั่งอยู่ข้างๆ บอกให้ผม รินเหล้า ผมรีบเปิดฝาขวดเหล้ามือไม้สั่น กว่าจะเปิดได้เล่นเอาเหงื่อแตก พลั๊ก ๆ แถมรินเหล้าหกอีกต่างหาก ส่งจอกเหล้าให้ แป๊ะกง กระดกพรวดเดียวหมด ผมรินน้ำชาส่งให้ ตามด้วยบุหรี่ ที่ผมจุดให้เสร็จ แป๊ะกง พูด กำเสี่ย กำเสี่ย อันนี้ใครไม่ต้องแปล ผมก็รู้.. แป๊ะกง อัดบุหรี่ พ่นควันโขมง แล้วชี้ให้ผมรินเหล้าใส่ จอก เล็กๆ 8 จอกที่วางอยู่ในถาด ทำกิริยาให้ผมกิน แล้วชี้ไปที่คนอื่นๆ ตายโหง..! ผมตาเหลือก ล่อเข้าไปทีเดียว 8 จอกนั่น ศิษย์เอก ตีลังกา แน่ คนแปล รีบบอกผมว่า ให้ผมกินจอกเดียว ที่เหลือส่งให้คนอื่นๆเขา เฮ้อ..โล่งอกไปที

หลังจากที่ทุกคน ได้กินเหล้ากันครบ แป๊ะกง เริ่มถามว่า ที่เรียกมานี่ ใคร? มีเรื่องเดือดร้อน อะไร? ผู้ที่มาจากต่างประเทศเหล่านั้น ก็ ทยอย เข้าไปหา ทีละคน บอกเล่าเรื่องปัญหา ความเดือดเนื้อ ร้อนใจ และขอให้ แป๊ะกง ช่วยบำบัด ปัดเป่า ชี้ทางออกให้ ซึ่งแต่ล่ะคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน ในที่นี้ผมจะไม่ขอเล่ารายละเอียด น่ะครับ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ลูกศิษย์ อย่างผม

เมื่อ แป๊ะกง ได้รับรู้ปัญหา ก็เริ่มทำการปัดเป่าให้ทีล่ะคน โดยพิธีการ ขั้นตอนที่ทำให้แต่ล่ะคน จะไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก และ ขณะที่ทำพิธีเสร็จแต่ล่ะขั้นตอน แป๊ะกง จะเรียกหา เหล้า และ บุหรี่ ทุกครั้ง และก็บอกใบ้ให้ผมกินเหล้าทุกครั้งเหมือนกัน กว่าจะเสร็จ พิธีการ จนครบหมดทุกคน นับไม่ถ้วนว่า กี่สิบ ขั้นตอน และ กี่สิบจอก

ท่านผู้ชมที่เคารพ ประมาณเที่ยงคืน แป๊ะกง เสร็จภารกิจ.! ร่างทรง หายหลังตึง.! เมื่อ แป๊ะกง ออกจากร่าง ส่วนผม ศิษย์เอก หายท้องโครม.! เมื่อ รีเจนซี่ เข้าไปทรงในร่าง มากเกินไป.. อ้วก..อ้วก…
----------------------------------------------
ทัวร์ เกาะพีพี. โดย ไกด์ชำนาญ ณ.อันดามัน

 
เกาะพีพี
-------------------------------------

จังหวัดในเขตอันดามัน คือ ภูเก็ต,พังงา,กระบี่ จะมีเพียง 2 ฤดูเท่านั้น คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือน พฤศจิกายน ถึงเดือน เมษายน ส่วนฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ถึงเดือน ตุลาคม เฉลี่ย ฤดูล่ะ 6 เดือน ฤดูร้อนเรียกว่า ไฮน์ซีซั่น ฤดูฝน เรียกว่า โลว์ซีซั่น


นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจังหวัดภูเก็ต ในหน้าฝน จะชอบไปเที่ยวทัวร์ป่า ไม่ไปทะเลเพราะคลื่นลมแรง ส่วนพวกที่มาหน้าร้อน จะชอบไปทะเล อาบแดด เล่นน้ำ เพราะต้องการให้ผิวเป็นสีแทน


นายชำนาญ ณ.อันดามัน ที่ทำมาหากินกับนักท่องเที่ยว จึงต้องทำตัวเป็นสัตว์ ครึ่งบก ครึ่งน้ำ คือหน้าร้อนพานักท่องเที่ยว ลงทะเลไปเกาะ แต่พอหน้าฝน พานักท่องเที่ยวไปเข้าป่า ขึ้นเขา


หน้าร้อนปีนี้ นายชำนาญ ขายทัวร์อยู่ที่ หาดลายัน เหมือนทุกปี ขายเองเป็นไกด์เอง พาไปเองบ้าง ขายแล้วส่งให้บริษัทอื่นบ้าง (ส่วนใหญ่ส่งให้บริษัทอื่น) ถ้าไปเอง รายได้อาจจะไม่คุ้ม กับการเสียเวลาไปทั้งวัน (คิดแบบนักธุรกิจพันล้านเปี๊ยบ) เอ้า ชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่ได้เข้าเรื่องได้แล้ว..! OK.ได้เลยครับผม


ว่าแล้วก็ มีฝรั่งผู้ดี อังกฤษ คู่หนึ่ง ผู้หญิงชื่อ มาดามซูซาน มาซื้อบ้านหลังล่ะ 50 ล้านบาทอยู่แถวๆหาดลายันนี่แหละ หลายปีมาแล้ว (ผมไม่รู้ว่ากี่ปีแน่) เห็นแกมาอาบแดดเล่นน้ำที่หาดลายันทุกปี และมาอยู่ครั้งล่ะ เดือน สองเดือน ค่อนข้างจะรู้มาก เขี้ยวลากดิน พูดไทยได้นิดหน่อย ซื้อของทุกอย่าง จะต้องมีการต่อ รองราคา ขอให้ได้ลดนิดๆ หน่อยๆ ก็พอใจ


ปีนี้แกมีเพื่อนมาด้วยอีก 2 คู่ รู้สึกว่าจะมาภูเก็ตเป็นครั้งแรก พากันมา เล่นน้ำ อาบแดด ดื่มกิน กันที่หาดลายัน เกือบทุกวัน และวันนี้ (23กุมภาฯ53) มาดาม ซูซาน เดินมาหาผมที่โรงขายทัวร์บอกว่าจะพาเพื่อนไปเที่ยวเกาะพีพี.ให้ผมนำเสนอตัวเลือกและราคา ผมแนะนำไปว่า ถ้าซื้อโปรแกรม(Program)ไปกับเรือใหญ่(Cruise)บรรทุกนักท่องเที่ยวได้ 200 กว่าคน ออกจากท่าเรือภูเก็ต ถึงเกาะพีพี.ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ราคาคนล่ะ 1,500 บาท รวมรถรับ-ส่ง จากที่พัก-ท่าเรือ อาหารกลางวัน ผลไม้ เครื่องดื่ม และ ถ้าซื้อโปรแกรม เรือเร็ว(Speed Boat) 25 ที่นั่ง ออกจาก ท่าเรือยอช์ทภูเก็ต(Marina) ถึงเกาะพีพี.ใช้เวลา 1 ชั่วโมง คนล่ะ 3,000 บาท รวมรถรับ-ส่ง จากที่พัก-ท่าเรือ อาหารกลางวัน ผลไม้ และเครื่องดื่ม


พอแกฟังจบ ก็ส่ายหน้าเป็นพัดลมเลย ทีเดียว แล้วพูดว่า ไม่ไหวคนเยอะไม่ชอบ มีทางเลือกอย่างอื่นหรือไม่? แฮ่..เริ่มเข้าทางแล้วล่ะครับ ท่านผู้ชม ผมบอกว่า ถ้า ยังงั้น ยู ก็ต้องเหมาเรือเร็ว ไปเป็นการส่วนตัวสิ(Private) ไม่ต้องวุ่นวายกับคนอื่น จะไปตอนไหน ก็ได้ จะกลับตอนไหน ก็ได้ จะหยุดที่ไหน และนานเท่าไหร่ ก็ได้ จะดื่มไวน์ ดื่มเบียร์ ในเรือให้เมาตีลังกา ก็ย่อม ทำได้ แต่ว่า จากที่พักไปท่าเรือต้องขับรถไปเอง อาหารกลางวันที่ เกาะพีพี. ต้องหากินเอง ค่าอุทยาน ที่อ่าว มาหยา คนล่ะ 200 บาท ต้องจ่ายเอง และยู จะต้องจ่ายค่าไกด์ด้วย มาดาม ซูซาน นิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วบอกผมว่า ก็น่าสนใจดี ว่าแต่ว่า ไอ จะต้องจ่ายเท่าไหร่? ผมบอกราคาค่าเช่าเรือ (ซึ่งผมขอสงวนสิทธิ์ไม่เล่าให้ฟัง น่ะครับ เพราะเป็นความลับระดับชาติ แฮ่.) แหม่มได้ยินราคาแล้วพูดภาษาไทยเป็นเลยครับ “โอ มาย ก๊อด แพงมากๆ” แล้วพูด อังกฤษอีก “ลดอีกได้ มั๊ย” ผมตอบว่า ผมจะโทรไปคุยกับเจ้าของเรือ ดูก่อนเผื่อเขาลดให้ได้ (ความจริงค่าเรือลดไม่ได้ที่จะลดคือกำไรของผม) มาดามซูซาน ตอบว่า โอ.เค.ถ้ายู หาข้อสรุปได้แล้ว ตามไปคุยกันที่โต๊ะ ในร้านอาหาร น่ะ ผมบอก อีก 10 นาที จะตามไป


ผมแกล้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์ มั่วๆ และรีรออยู่ประมาณ 5 นาที แล้วเดินไปหา มาดาม ที่โต๊ะอาหาร ซึ่งพวกเขานั่งดื่มไวน์กันอยู่พร้อมหน้าทั้ง 6 คน ตอนนี้แหละครับท่านผู้ชม ที่ผมจะต้องสวมวิญญาณ นักล่าค่าหัว(ทัวร์)มาใช้ มีกึ๋นเท่าไหร่ งัดเอาออกมาหมด หลังจากที่ชิงไหว ชิงพริบกันจนผมหืดขึ้นคอ ก็ตกลงกันได้ในราคา ที่พวกเขาพอใจ ที่จะจ่าย ส่วนผม บวก ลบ คูณ หาร แล้ว พอใจกับส่วนต่าง ที่จะได้รับ และบวกกับค่าแรงไกด์ อีกต่างหาก


สรุปว่า พวกเขาจะขับรถมารับผม ที่โรงขายทัวร์ เวลา 08:30 เช้าของวันที่ 24 กุมภาฯซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้น


และตอนนี้ ผมเรียกเก็บมัดจำก่อน 20% ถ้าเขาเปลี่ยนใจ ไม่ไป ผมก็ริบมัดจำตามธรรมเนียมปฏิบัติ


รวบรัดตัดความ 08:20 เช้า วันที่ 24 กุมภาฯ พวกเขาขับรถ ฟอร์จูนเนอร์ มาจอด ที่หน้าโรงขายทัวร์เพื่อรับผมตามนัด (ฝรั่งจะตรงต่อเวลาเสมอ ถ้าเป็นคนไทย นัด แปดโมงครึ่ง โน่น เก้าโมงครึ่งถึงจะมา) ผมเองพร้อมอยู่แล้ว เขาให้ผมนั่งเบาะหน้าคู่กับคนขับ(สามี มาดามซูซาน) ในถานะ ไกด์ เพื่อบอกทางไป ท่าเรือ


เราถึงท่าเรือ ยอช์ท Boat Lagoon Marina เก้าโมงตรง จอดรถไว้ที่ บริษัท ที่ผมจองเรือ และจ่ายค่าเช่าเรือส่วนที่เหลือจากมัดจำ เสร็จเรียบร้อย เราไปที่ท่าเทียบเรือ


ที่ท่าเรือ ทางบริษัทจัดเตรียมเรือตามที่ ผมโทรจองไว้เมื่อวาน จอดรออยู่แล้ว พร้อมคนขับและเด็กเรือ เป็นเรือ สปีดโบ๊ท (Speed Boat) ไม่เก่า ไม่ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ยามาฮ่า 2 เครื่อง เครื่องล่ะ 200 แรงม้า บรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 25 คน ไปเกาะพี พี ใช้เวลาชั่วโมงเดียว บริษัททัวร์ ทั่วไป ส่วนใหญ่ ก็ใช้กันขนาดนี้


ทำการทักทาย แนะนำตัวกันตามธรรมเนียม ทุกคนลงเรือ คนขับพาเรือออกจากท่า ประมาณ 9 โมง 15 นาที



กำลังออกจาก Royal Phuket Marina

—————————

เรือแล่นออกมาพอถึงปากร่องน้ำ ก็เจอกับ เรือเจ้าท่า ที่กำลังเรียกเรือทัวร์เข้าไปเทียบทีล่ะลำ คนขับเรือบอกผมว่า อาทิตย์นี้ เจ้าท่ามาดักตรวจเรือ 3 ครั้งแล้ว เป็นการเรียกตรวจ ทะเบียนเรือ และใบนายท้ายเรือ ถ้าไม่มีใบอนุญาตหรือใบอนุญาต หมดอายุ ก็จะถูกเปรียบเทียบปรับ ถ้าเสียค่าปรับที่นั่น โดยไม่มีใบเสร็จ ก็ พันห้าหรือสองพัน แต่ถ้าต้องการใบเสร็จก็ต้องไปเสียค่าปรับที่สำนักงานซึ่งอยู่บนฝั่ง และต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้นเป็น สามพัน ถึง ห้าพัน ผมฟังดูแล้วก็เหมือนที่ตำรวจ ตั้งด่านตรวจบนถนนนั่นแหละ แต่ในทะเล ปรับกันโหดกว่าบนบกหลายเท่า มันเป็นสูตรสำเร็จของคนพวกนี้ ลักษณะแบบนี้ ฝรั่งพูดว่า Money Talk



เรือเจ้าท่า ที่ปากร่องน้ำ

————————–

เราเสียเวลาให้เจ้าหน้าที่พวกนั้นตรวจเอกสาร ประมาณ 15 นาที จึงได้ออกจากที่นั่น คนขับตั้งลำเบนหัวเรือมุ่งตรงไป อ่าวมาหยา เกาะพีพีเล ตามโปรแกรมที่ผมบอกคนขับไว้


อ่าวมาหยา มีชื่อเสียงมาจาก ภาพยนตร์ เรื่อง เดอะบีช “The Beach” ที่มี ลีโอนาโด เดอร์คาปริโอ แสดงนำ เมื่อหลายปีมาแล้ว เหมือนเขา ตะปู ใน อ่าวพังงา ที่เป็นฉากหนัง เรื่อง เจมส์บอนด์ ตอน “The man with the golden gun”หลังจากนั้น นักท่องเที่ยว รู้จัก และ เรียกกันว่า “เจมส์บอนด์ ไอแลนด์” ตลอดมา





หาดมาหยา Maya Beach

—————————

เราถึงอ่าวมาหยา 10 โมงครึ่ง พอดี ในอ่าว มีเรือนำเที่ยว ชนิดต่างๆ ทั้งเล็ก ใหญ่ คลาคล่ำ เต็มไปหมด บนหาด ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เดินกันยั้วเยี้ย ผมถามลูกทัวร์ว่า จะขึ้นหาดหรือไม่? ถ้าขึ้นจะต้องจ่ายค่าขึ้นเกาะ ให้กับเจ้าหน้าที่อุทยาน ที่อยู่บนนั้น คนล่ะ 200 บาท พวกเขาปรึกษา หารือกัน แล้วบอกผมว่า ไม่ขึ้น เพราะคนเยอะ ให้ผมพาไปเล่นน้ำที่อื่น ผมตอบ โอ.เค.แล้วบอกให้คนขับเรือพาไป อ่าว โล๊ะซาม๊ะ ซึ่งอยู่ทางทิศ ตะวันออกของ เกาะ พีพีเล





อ่าวมาหยา คับคั่งด้วยเรือนำเที่ยว
———————————–

ไม่ถึง 10 นาที เราก็เข้ามาอยู่ในอ่าว โล๊ะซาม๊ะ น้ำกำลังลงพอดี มองเห็นหิน ปะการังและปลาต่างๆ ใต้ผิวน้ำได้ชัดเจน เรือและนักท่องเที่ยว ไม่มาก ส่วนใหญ่ขับวนเข้ามาแล้วออกไป ลูกทัวร์ของผมพอใจมาก ขอลงเล่นน้ำ คนขับเรือ บอกให้ลูกน้องทิ้งสมอทันที ผมบอกลูกทัวร์ ว่าตรงนี้น้ำลึกประมาณ 8 เมตร พวกเขากระโดดลงน้ำทันทีเหมือนกัน



อ่าว โล๊ะซาม๊ะ

————————–

ผมปล่อยให้เล่นน้ำเกือบ 20 นาที จึงเรียกขึ้นเรือ แล้วเสิร์ฟ ผลไม้ ที่ลูกเรือจัดเตรียมไว้ แล้วบอกคนขับให้พาไป ถ้ำไวกิ้ง เป็นถ้ำที่นกนางแอ่นทะเล เข้าไปทำรังอยู่ในนั้น และมี บริษัท สัมปทาน กับรัฐบาล เพื่อเก็บรังนก เมื่อสิบกว่าปีก่อน ไกด์ สามารถพาลูกทัวร์ ขึ้นไปดูได้ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่อนุญาต ให้ขึ้น ทำได้แค่ลอยเรือ อยู่หน้าถ้ำเพื่อถ่ายรูปเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะว่า รังนกนางแอ่น เกรดเอ ราคา กิโลกรัมล่ะหลายแสนบาท ก็เป็นได้




ถ้ำ ไวกิ้ง เกาะพีพีเล

———————–

ผมโม้ เรื่องถ้ำไวกิ้ง ให้ลูกทัวร์ฟังตามตำรา พอหอมปาก หอมคอ ซึ่งผมเอง ก็ไม่รู้ว่า จริงเท็จ แค่ไหน ยังไง เขาว่ามายังไง ผมก็ว่าไปยังงั้น


มีมาดามคนหนึ่ง ทะลึ่งถามขึ้นมาว่า ถ้ำนี้น่าจะเกิดจากภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด ยู รู้มั๊ย ว่าเมื่อไหร่? แหม่มเล่นงานผมเข้าแล้วสิ. ผมรึ จะยอมเสียชื่อ ฉายา ณ.อันดามัน ผมตอบทันทีว่า ประมาณ 200 ล้านปีมาแล้ว แค่นั้นแหละครับ ฝรั่ง ฮากันครืน ยกหัวแม่โป้งให้ผม แล้วพูดว่า “You are very good guide”


ผมบอกคนขับให้พาไปที่แนวดำน้ำดู ปะการัง หน้าอ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน ลูกเรือ จัดเตรียม หน้ากากดำน้ำ ท่อหายใจ(Snorkel) ให้ลูกทัวร์ คนล่ะชุด พวกเขาไม่ต้องการเสื้อชูชีพ และตีนกบ ลูกทัวร์ของผมชุดนี้ ว่ายน้ำแข็งทุกคน ทั้งที่อายุมากแล้ว



แนวปะการัง หน้าอ่าวต้นไทร

——————————–

ผมปล่อยให้ว่ายน้ำดูปะการัง ประมาณ 20 นาที จึงเรียกขึ้นเรือ ขณะนั้นเวลาเที่ยงวันพอดี ผมถามพวกเขาว่าจะกินอาหารเที่ยงกันกี่โมง? เขาบอกว่าบ่ายโมง ผมบอกเขาว่า เรามีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเราจะไปที่อ่าวต้นไทรกัน ใครจะขึ้นไปเดินเล่น หาซื้อของที่ระลึก หรือใครพอใจจะนั่งดื่มอยู่ในเรือ ก็ได้ตามอัธยาศัย ทุกคนตอบ OK.





อ่าวต้นไทร

———————–

ไม่กี่นาทีต่อมา เรือก็มาจอดที่ชายหาดอ่าวต้นไทร หน้าโรงแรม พีพีคาบาน่า ลูกทัวร์ของผม เริ่มจัดการกับเบียร์บ้าง ยีนโทนิค บ้าง ที่จัดเตรียม มาจากภูเก็ต ส่วนผมบอกกับพวกเขาว่า จะขึ้นไปที่ร้านอาหาร ที่มองเห็นอยู่ใกล้ๆ เพื่อสำรองโต๊ะอาหารไว้ให้ แล้วพบกันที่นั่น ตอนบ่ายโมงตรง แล้วผมก็โบกมือ บ๊าย บาย see you.





ท่าเทียบเรือ อ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน

—————————————

ก่อนถึงร้านอาหาร ผมแวะเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ติดกัน จ่ายค่าบริการไป 20 บาท ไม่ผิดครับ ถ้าท่านผู้อ่านมีโอกาส ไปเที่ยวเกาะพีพี และจำเป็นจะต้องใช้ห้องน้ำ ต้องเสียค่าบริการ ครั้งล่ะ 20 บาทน่ะครับ อย่าตกใจ จนขี้หด ตดหาย ก็แล้วกัน


ออกจากห้องน้ำ ผมตรงไปร้านอาหาร บอกกับพนักงาน ว่าจองโต๊ะใว้ให้แขก 6 ที่ จะเข้ามาตอนบ่ายโมง สำหรับอาหาร แขกจะมาสั่งเองและจ่ายเอง ส่วนผมสั่งข้าวผัดซีฟู๊ด ให้กับตัวเองก่อนหนึ่งจาน รู้สึกหิวมาก เพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา


กินเสร็จ เช็คบิล ราคา 150 บาทครับ ที่โรงแรม พีพีคาบาน่า ไม่มีนโยบาย ให้ไกด์ กินฟรี และผมก็ไม่มีนโยบาย จะให้แขกจ่ายให้ด้วย ผมจึงต้องจ่ายเองครับ



ช๊อปปิ้ง ถนนหน้าโรงแรม พีพี คาบาน่า

—————————————

บ่ายโมงตรง ลูกทัวร์ของผมก็เข้ามาพร้อมกันที่ โต๊ะอาหาร ผมดูแลจนพวกเขาเริ่มกินอาหารกัน จึงขอตัวไปรอที่เรือ จนกระทั่ง บ่าย 2 โมง ทุกคนพร้อมอยู่บนเรือ ผมเริ่มขายยาต่อ ว่าจะพาไปดูลิง ที่หาดลิง (Monkey Beach) แหม่มคนเดิม ถามผมว่า ลิงพวกนั้นมาจากไหน ในเมื่อรอบๆเกาะ มีแต่ทะเล ผมยังไม่ทันได้ตอบ สามีแกตอบแทนผมขึ้นมาว่า ลิงพวกนั้นเกิดขึ้น หลังจากภูเขาไฟใต้ทะเล ระเบิดเมื่อ 200 ล้านปีมาแล้ว ฮากันครืนอีกครั้ง ผมเองยังกลั้นไม่อยู่ ตัวแหม่มเจ้าของคำถาม ค้อนผัว ควั๊บ ทำหน้าหงิกเชียว เอ้อ..ฝรั่ง นี่ค้อนเป็นเหมือนกันน่ะ





Monkey Beach

——————————

เวลาประมาณ บ่ายสองครึ่ง เราออกจากหาดลิง โบกมือลาเกาะพีพี ตัดตรงไปเกาะไข่ใน เพื่อเล่นน้ำ เป็นจุดสุดท้าย ของทริ๊ป ก่อนกลับภูเก็ต



เกาะไข่ใน

————————


40 นาที ต่อมาเรือถอยหลังจอดเกยหาดที่เกาะไข่ใน เพื่อให้ลูกทัวร์ ลงเล่นน้ำ ขณะเวลานั้นเรือและนักท่องเที่ยวเยอะมาก จนผมมั่นใจว่าลูกทัวร์ผม คงอยู่ไม่นานแน่ และก็จริงดังคาด ไม่เกิน 10 นาที พวกเขาทยอยกลับมาขึ้นเรือ เราเสิร์ฟ ผลไม้เป็นของว่างอีกครั้ง และให้พวกเขานั่งเล่น อาบแดด อยู่ในเรือ อีก 15 นาที ผมบอกให้คนขับออกเรือ มุ่งหน้าเข้าหา Boat Lagoon Marina Phuket





โฉมหน้า ลูกทัวร์ ทริปนี้

—————————

ก่อนเรือเทียบท่า มีลูกทัวร์คนหนึ่งกระซิบถามผมว่า เขาจะให้ทิ๊ป คนเรือ คนล่ะเท่าไหร่ดี ผมบอกไปว่า แล้วแต่ความพอใจของคุณ แต่ไม่ควรต่ำกว่า คนล่ะ 500 บาท


เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย ขึ้นจากเรือครบทุกคน มีการกล่าวขอบคุณและจับมืออำลา ผมเห็นในมือคนเรือ มีแบงค์ สีม่วงคนล่ะใบ


และแล้ว เราก็มาขึ้นรถออกจากท่าเรือ เวลา สี่โมง สี่สิบ กลับหาดลายัน ความจริงวันนี้ ผมมีแขกบุ๊ค ไปตกปลาที่ เกาะแวก ตอนห้าโมงเย็น อีกหนึ่งชุด ถ้าผมกลับไปทัน ก็คงได้อีก หนึ่งเด้ง แต่เมื่อเขามาส่งผมที่หาด พวกตกปลาก็ออกไปแล้ว


มีการกล่าวขอบคุณ และ อำลากันตามธรรมเนียม พร้อมกับยัดม้วนกลมๆ ใส่มือผมมาด้วย เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว ผมคลี่ออกดู พันห้า สำหรับ ทิป ก็ไม่เลว สำหรับ Private Speed Boat วันนี้.


----------------------------------------
เทพทาโร ที่วัดควนดิน
 พอจั่วหัวเรื่องว่า เทพ ท่านผู้อ่านคงคิดว่า นายชำนาญ ณ.อันดามัน โม้เรื่องเทพเจ้า อีกแน่ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับท่านผู้ชม วันนี้ผมไม่ได้เล่าเรื่อง เทพเจ้า แต่จะเล่าเรื่อง เทพต้นไม้ครับ และก็ไม่ใช่ เทพ ที่อยู่ตามต้นไม้ อีกนั่นแหละ แต่เป็นต้นไม้ที่มีชื่อ “เทพทาโร” ครับผม


“ไม้เทพทาโร” หรือ “ไม้จวง” หลายคนคงรู้จัก หลายคนคงเคยได้ยิน และ หลายคนคงไม่รู้จักเช่นกัน ตามผมมาครับท่านผู้ชม ถึงจะไม่สว่างไสว ก็คงพอจะหายมืด หายมัวบ้าง ไม่มาก ก็น้อย สำหรับท่านที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน


ต้น "เทพทาโร" หรือ ต้น"ไม้จวง"

——————————–

อันว่า “ไม้เทพทาโร” หรือ “ไม้จวง” นั้น จัดอยู่ในประเภทไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ คล้ายๆ “ไม้ตะเคียน” หรือ “ไม้สัก” เป็นไม้เนื้ออ่อน เนื้อไม้มีกลิ่นหอม มอด ปลวก ไม่กิน คนเดินป่า ที่ต้องนอนค้างอ้างแรมตามป่าเขา จะนำมาก่อเป็นกองไฟ เพื่อไล่ ริ้น ยุง และแมลงมีพิษต่างๆ


ตามศาลเจ้าหรือวัดจีน (อ๊าม) เวลามีพิธีการทางศาสนา บวงสรวง เทพเจ้า หรือเทศกาลต่างๆ จะใช้ ไม้เทพทาโร ที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และตากแดดแห้งแล้ว นำมาเผาในกระถาง จะส่งกลิ่นหอม คล้ายกลิ่นกำยาน ให้ความรู้สึกขลังและศักดิ์สิทธิ์


ส่วนผลของไม้เทพทาโร จะออกให้เก็บได้ ช่วงเดือนมีนาคม ถึง เดือนเมษายน ถ้านำมาตากแห้ง แล้วบีบอัด เอาน้ำมัน ออกมาก็ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เหมือนน้ำมันจากสมุนไพรต่างๆ แก้ปวดเมื่อย เคล็ด ขัด ยอก รักษาแผล ฯลฯ


บางคนนำไป ประยุกต์ ผสมเป็น น้ำอบ น้ำหอม โคโลญจ์ โฆษณา สรรพคุณ เป็นสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้าน จำหน่าย ขายดีอีกต่างหาก


ในยุคที่ วัตถุมงคล จตุคาม-รามเทพ กำลังเฟื่องฟู เป็นที่นิยม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายรุ่น หลายพิมพ์ มีการผสม ผงเทพทาโร หรือ เนื้อไม้เทพทาโร เข้าไปด้วย จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ มีการสั่งจองและเช่าหากันราคาสูงๆ


ต้นไม้เทพทาโร จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในป่าทึบและภูเขา ที่เป็นป่าฝน จะพบเห็นได้ง่าย ในภาคใต้ของประเทศไทย แต่เดี๋ยวนี้ ค่อนข้างจะหาดูได้ยาก จากสาเหตุหลายประการ สาเหตุใหญ่ น่าจะมาจากการ ตัดไม้ ทำลายป่า มากกว่า



ต้นเทพทาโร ภายในวัดควนดิน

——————————————


ลานวัด หน้าอุโบสถ และลึกเข้าไปมีแต่ ต้นเทพทาโร

——————————————————

ณ.เวลานี้ และ พ.ศ.นี้ ถ้าหากท่านผู้อ่าน ต้องการจะเห็นหรือสัมผัสกับ ต้นไม้ เทพทาโร หรือ ไม้จวง จำนวนมากๆ ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ อายุร่วม 100 ปีก็มี โดยไม่ต้องบุกป่า ขึ้นเขา ให้เมื่อยตุ้ม ผมขอแนะนำให้ไปดูได้ที่ “วัดควนดิน ”ครับ



ประตูวัดควนดิน หรือ วัดนิโรธรังสี
————————————

 วัดควนเขาดินวนาราม หรือ วัดนิโรธรังสี อยู่ที่ ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นวัดสังกัดคณะธรรมยุต สายปฏิบัติ พระที่นั่นฉันท์อาหารมื้อเดียว ปัจจุบัน มี พระอาจารย์ สะอื้น จารุวังโส เป็นเจ้าอาวาส


พระอาจารย์ สะอื้น จารุวังโส เจ้าอาวาส วัดนิโรธรังสี(วัดควนดิน)
-----------------------------------------------------------------------------
จากประตูวัด ซ้าย ขวา มีแต่ ต้น เทพทาโร



——————————————

ประมาณ 90 เปอร์เซ็น ของพื้นที่วัด เต็มไปด้วย ต้นเทพทาโร ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และพระอาจารย์ สะอื้น ได้เพาะปลูกเพิ่มเติม ขึ้นภายหลังด้วย


ตั้งแต่ปลายเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือน เมษายน พระอาจารย์ สะอื้น รวมทั้งพระลูกวัด และลูกศิษย์ ลูกหา ได้ช่วยกันเก็บ ผลของไม้เทพทาโร มาทำเป็นน้ำมัน เพื่อไว้แจกจ่าย แก่ญาติโยม ที่ได้ไปไหว้พระ ทำบุญ ศึกษาปฏิบัติธรรม หรือเยี่ยมชมสวนไม้เทพทาโร ที่วัดควนดินนี้



--------------------------------------------------------------------------

นกพริกตัวนี้ จะมาทุกครั้ง เมื่อ พระสวดมนต์ หรือเวลาพระฉันอาหาร



———————————————————
 
ถ้าท่านผู้อ่าน มีโอกาส ผ่านไปทาง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ลองแวะชมและสัมผัสสักครั้ง แต่ขอร้องว่า อย่าแวะเพื่อ ขอหวย กับพระอาจารย์ น่ะครับ สาธุ.

-------------------------------------------
มีแต่หมาตัวเดียวจริงๆ

ใครจะได้ประโยชน์ กับการเรียกร้องประชาธิปไตย ผมไม่ทราบ.!?
ใครจะเสียประโยชน์ กับการเรียกร้องประชาธิปไตย ผมไม่ทราบ.!?
แต่..ชำนาญ ณ.อันดามัน ที่ต้องทำมาหากิน กับนักท่องเที่ยว ยำแย่อีกครั้งแล้ว.!
ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร.!

เหลือแต่ หมา ตัวเดียวจริงๆ

ภาพนี้ ถ่ายเมื่อ วันที่ 11 มีนาคม 2553 ที่หาด ลายัน
--------------------------------------------------------------------------------
ก่อนหน้า วันที่ 11 มีนาคม 2553 สัก หนึ่งอาทิตย์ หาดลายัน เคยคึกคัก ด้วยนักท่องเที่ยว

ดูเอาเถอะ พอวันที่ 11 มีนาคม 2553 ก่อนถึงวันนัดชุมนุม ในวันที่ 12 มีนาคม 2553

ที่ หาดลายัน ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้แต่คนเดียว มีแต่หมา ตัวเดียว จริงๆ

แล้วคนที่ ทำมาหากิน กับนักท่องเที่ยว จะมีความรู้สึกยังไงกับผู้ชุมนุม ที่อ้างว่า เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย..!?

หมายังเศร้าๆ เลยครับ พี่น้อง.....

--------------------------------------------

ภาษาพาวุ่นวาย,ภาษาใต้สำเนียงกลาง

เรื่องนี้ต้องเล่าสู่กันฟัง พอจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษาประจำภาค บางครั้งฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่บางครั้ง ฟังแล้วทำให้เกิดการเข้าใจผิด จนนำไปสู่ความวิตกกังวล และเกิดความชุลมุน วุ่นวายได้เหมือนกัน

เมื่อปลายเดือน กุมภาพันธ์ 53 ที่ผ่านมา คุณน้องโกศล อนุสิม เจ้าของ www.kosoltalk.com โทรหา ชำนาญ ณ.อันดามัน บอกว่าจะมีเพื่อนมาเที่ยว พักผ่อนที่ภูเก็ต ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ด้วย ในถานะคนในพื้นที่ และทำมาหากินอยู่กับการท่องเที่ยว ผมตอบรับด้วยความยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจ ให้ดูแลเพื่อน ของโกศล อนุสิม ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ในวงการ Blog ผู้เป็นที่นับถือของผม และเป็นผู้ตั้งฉายา ชำนาญ ณ.อันดามัน ให้ผมด้วย (ชะเลียกันหน่อย) และรวบรัดตัดความว่า……

เมื่อเพื่อนของ คุณน้องโกศล อนุสิม ชื่อ คุณชูศรี (ขออนุญาตเอ่ยนาม ทำเป็น สส.ในสภาเชียว ฮิ ฮิ ) มาถึงภูเก็ตแล้ว ก็ได้โทรหาผม สอบถามเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ต ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม ของนักท่งเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผมจึงได้แนะนำและให้ข้อมูล เกี่ยวกับ เกาะสิมิลัน, อ่าวพังงา,เขาพิงกัน,เกาะปันหยี และเน้นที่เกาะพีพี เป็นพิเศษ แล้ว ขายยาต่อไปอีกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูเก็ต ถ้าไม่ได้ไปเกาะพีพี ก็เหมือน มาไม่ถึงภูเก็ต (ว่าเข้าไป นั่น) คุณชูศรี เชื่อผมครับ (คงเป็นเพราะคุณน้องโกศล ขายยามาก่อนแน่ๆ) และ ขอให้ผมช่วยจัดการจองทัวร์ ไปเกาะพีพี ในวันรุ่งขึ้นให้ด้วย ผมบอก คุณชูศรีว่า ไม่เกิน 10 นาที ผมจะโทรกลับ แล้วเลิกการติดต่อ

ผมจัดการ จองทัวร์เกาะพีพี ในนามคุณ ชูศรี โปรแกรมไปกับเรือสปีดโบ๊ท (ในราคาลดพิเศษ) รวมค่ารถ รับ-ส่ง จากโรงแรม-ท่าเรือ อาหารเที่ยง,ผลไม้,ชา,กาแฟ,เครื่องดื่มน้ำอัดลม

เสร็จเรียบร้อย โรงเรียนชำนาญ ณ.อันดามัน ตามขั้นตอนปกติ เหมือนการจองทัวร์ให้นักท่องเที่ยว ทั่วๆไป และผมได้เน้นย้ำ กับบริษัททัวร์ว่า คุณชูศรี เป็นแขก พิเศษของผม ช่วยดูแล ดีๆด้วย

ไม่เกิน 10 นาที ผมโทรไปแจ้ง คุณชูศรี ว่าพรุ่งนี้ รถจะมารับ เวลา 07.45 เช้า ให้รอที่ ล๊อบบี้ของโรงแรม คุณชูศรี ตอบขอบคุณ ผมมากมายที่ให้การช่วยเหลือ ผมบอกไปว่าหวังให้ มีความสุขและได้รับความประทับใจกับการไปทัวร์เกาะพีพี ในวันพรุ่งนี้ โดยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง คงจะเป็นไปด้วยดี

แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อคุณชูศรี โทรหาผม ตอนประมาณบ่าย 2 โมงเศษๆ ของวันรุ่งขึ้น ด้วยสุ้มเสียงไม่ค่อยจะสะเบย ซักเท่าไหร่
“รบกวนคุณชำนาญ ช่วยหน่อยเถอะค่ะ ตอนนี้ ชูศรี อยู่ที่ เกาะพีพี ยังกลับภูเก็ตไม่ได้”

ผมใจหายวาบ รีบถามกลับไปว่า”เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”

คุณชูศรีบอกว่า “ที่เกาะพีพี ตอนนี้น้ำลงจนแห้งหมดเลย เรือออกไม่ได้ และชูศรี จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ตอน 6 โมงเช้า คงตกเครื่องบินแน่ๆ”

ขณะเวลานั้น ผมนั่งอยู่ที่โรงขายทัวร์บนหาดลายัน มองออกไปที่ชายหาด เห็นน้ำลง มากจริงๆ ตามที่คุณชูศรีบอก และคิดว่า อีกซัก 2 ชั่วโมง ประมาณ บ่าย 4 โมง หรือ 5 โมงเย็น น้ำคงขึ้นมากพอที่เรือจะออกได้

แต่ทำไม? คุณชูศรี จึงบอกผมว่า แกจะขึ้นเครื่องบินไม่ทัน ตอน 6 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ ทั้งๆที่ ถ้าเรือ ออกจากเกาะพีพี ได้ในตอนบ่าย 4 โมง คุณชูศรีก็จะกลับถึงโรงแรม ไม่เกิน 6 โมงเย็นของวันนี้ เหลือเวลาอีกทั้งคืน จะตกเครื่องได้ยังไง !

ผมชักเอะใจ รีบถามคุณชูศรีว่า “คนเรือ และ ไกด์ บอกคุณว่า เรือจะออกได้เมื่อไหร่ครับ?”

“ไกด์ บอกว่าเรือจะออกได้ตอน ตีสี่ ค่ะ” คุณชูศรี รีบบอกผม…

เอาล่ะสิ เป็นเรื่องใหญ่แล้วหมั๊ยล่ะ! ผมรู้ได้ทันทีเลยครับ ท่านผู้ชม ว่า ไกด์ พูด”ภาษาใต้สำเนียงภาคกลาง” กับคุณชูศรี แน่ๆ

เพราะภาษาใต้ "ตีสี่" หมายถึง บ่าย 4 โมง หรือ 4 โมงเย็น

แต่ ภาษากลาง ตีสี่ หมายถึง ตี 4 ย่ำรุ่ง ก่อนสว่างโน่น

ผมถามคุณชูศรี อีกว่า “แล้ว ฝรั่งนักท่องเที่ยวที่ไปด้วยกัน เขามีปฏิกิริยาอะไรบ้างครับ?”

“ไม่ค่ะ พวกเขาสนุกสนาน กันดี ไม่เห็นทุกข์ร้อน อะไร แถมยังลงไปช่วยเข็นเรือ อีกต่างหาก”

ผมจึงได้บอกคุณชูศรีไปว่า “คุณชูศรีครับ ไม่ต้องกังวล น่ะครับ ถ้า ไกด์เขาบอกว่า เรือจะออกได้ตอน "ตีสี่"ก็หมายความว่า 4 โมงเย็นนี่ แหละครับ”

“เหรอค่ะ ชูศรี ได้ยินเขาบอกว่า ตีสี่ ชูศรี ก็เลยนึกว่า เป็น ตีสี่ ตอนหัวรุ่ง เฮ้อ..โล่งอกไปที”

ครับ คุณชูศรี โล่งอก ผมก็โล่งอก แต่..ผมยังติดใจ ไอ้เจ้าไกด์ คนนั้นไม่หาย

มันคงพูดกับฝรั่ง ว่า “four o’clock in the afternoon” แหงๆ ฝรั่งจึงไม่โวยวาย

แต่ ทีกับคุณชูศรี เสือกบอกว่า “ตีสี่” ไอ้หัวเกียง

------------------------------------------------
พาแขก ที่เป็นจีน ไปตกปลา ที่เกาะแวก

แขก ในความหมายของผู้ให้บริการด้านท่องเที่ยว คือ นักท่องเที่ยว
จีน ในความหมายของคนทั่วไป คือ คนจีน,คนที่มีเชื้อสายมาจากประเทศจีน ไม่จำเป็นว่าจะต้อง มีตากี่ชั้น จริงแม๊ะ.!?

โอ้ย.มั่ว.! สรุปเอาง่ายๆ ตามชื่อเรื่อง ที่ตั้งเอาใว้ คือ นายชำนาญ พาลูกทัวร์ ที่เป็นคนจีน ไปตกปลา ก็แค่นั้น เขียนให้มันมั่วเข้าใว้ แล้วก็มึนเอง เฮ้อ..เวร

หลังจากที่มี หมาตัวเดียวอยู่บนหาดลายัน มาหลายวัน ก็มีแขก(ที่เป็นจีน)หลงมาให้นายชำนาญ ต้อน(ด้วยความหิวโหย)ถึง 3 คน

วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาฯ 53
นายชำนาญ ขายยา ให้(แขกจีน)ไป ดำน้ำดูปะการัง(Snorkeling) ที่เกาะแวก ตอน 10 โมงเช้า กลับเข้าฝั่งมาเที่ยง ยังไม่หนำใจ ขายยาต่อ บอกพวกเขาว่า อากาศดีๆ แบบนี้ ทะเลเรียบๆ แบบนี้ ตอนเย็นๆ น่าจะไปตกปลาน่ะ (ความจริงแล้ว คนตกปลาเขารู้ว่า อากาศแบบนี้ ทะเลแบบนี้ ไม่มีปลาหน้าโง่ตัวไหน มากินเหยื่อปลอมหรอก)

คนหนึ่ง ในสามคน ถามผม ขึ้นมาว่า ” ไปตกที่ไหน?”

ผมตอบว่า ” ใกล้ๆ ที่ ยูไปดำน้ำ นั่นแหละ”

อีกคนขัดมาว่า ” เฮ้ ที่พวกเราไปดำน้ำ มีแต่ปลาการ์ตูน ตัวเล็กๆทั้งนั้น จะตกเอามาทำอะไร”

ผมอธิบายต่อ “ไม่ใช่ตรงนั้น ต้องไปห่างจากเกาะที่ ยู ดำน้ำอีกนิดหน่อย จะมีปลาตัวโตๆ ให้พวกยู ได้เย่อมันส์ แน่ๆ”

อีกคน ในกลุ่ม ดูท่าทางหงิมๆ กว่าใคร(ผมรู้เมื่อถึงที่ตกปลาว่าแกไม่เคยจับคันเบ็ดมาก่อน) ถามผมว่า” ไปกับเรืออะไร? ไปกี่โมง?ใช้เวลาในการตกกี่ชั่วโมง?”

เข้าทางนายชำนาญ ถ้าถามแบบนี้ ปลากำลังจะฮุบเหยื่อครับ ท่านผู้ชม.!

ผมว่า คาถา มหาระรวย แล้วเป่าพรวด ก่อนจะกะตุกเบ็ด

“ไปกับเรือหางยาว ที่พา พวกยูไปดำน้ำนั่นแหละ เราเริ่มออกจากชายหาด ตอน 4 โมงเย็น ใช้เวลา ประมาณ 3-4 ชั่วโมง จะกลับ ตอน 2 ทุ่ม แล้ว ยู ก็เอาปลาที่ตกได้ มาเผากินกันที่นี่”

คนที่อาวุโสในกลุ่ม ถามผมว่า “พวกเราจะต้องจ่ายเท่าไหร่?” ฮุบเหยื่อแล้วครับ.!

ผมเปิดหน้ารอก ” 5,000 บาท เท่านั้นเอง ไอ มีอุปกรณ์ คันเบ็ด,เหยื่อ,น้ำดื่ม,น้ำอัดลม ให้ ยู ทุกอย่าง”

อาวุโส คนเดิม เริ่มเล่นเชือก แบบปลาน้ำลึก “แพงมาก 4 ชั่วโมง ตั้ง 5,000 บาท เมื่อเช้า เราไปดำน้ำ แค่ 2 ชั่วโมง ยู ฟันพวกเราตั้งคนล่ะ 600 บาท”

“เอา ยังงี้ สี่พันห้า ไอไปเป็นไกด์ ให้ ยูด้วย” ผมผ่อนเชือก นิดหน่อย

“สี่พัน ขาดตัว และ ยูจะต้องไปกับพวกเราด้วย” คนเดิม ดึงเชือกอีก จนรอกร้องกริ๊ดๆ

ผมนิ่ง นิดหนึ่ง ก่อนกระตุกคันเต็มแรง แล้วหมุนรอก แบบม้วนเดียวจบ

“โอ.เค. หยวนๆ สี่พันบาท ก็ได้ ไอเห็นว่า ยูใช้ บริการ ของไอ ตั้งแต่ไปดำน้ำ และพรุ่งนี้ จะไปทัวร์อ่าวพังงาอีก(อันนี้เขามัดจำใว้แล้ว) และยู ช่วยจ่าย ให้ ไอตอนนี้เลยน่ะ ไอจะได้บอกให้ กัปตันเรือ เขาจัดเตรียม อุปกรณ์ใว้ให้” ผมเย่อจนถึงแคมเรือแล้วครับ!

คนเดิม ดิ้นเฮือก สุดท้ายครับ “ยูการันตีน่ะ ว่าต้องได้ปลาตัวโตๆ ถ้าไม่ได้ ไอจะเอาเงินคืน”

“ชัวร์ ไอ การันตี” แล้วผมก็เอาขึ้นเรือจนได้ แต่ก็เล่นเอาหืดขึ้นคอเหมือนกัน.ฮ้า ฮ้า

และแล้ว 4 โมงเย็น ผมก็พาแขก ที่เป็นจีน ไปตกปลา!?


ดูภาพประกอบด้านล่างครับ

โฉมหน้าลูกทัวร์แขก ที่ เป็นจีนฮ่องกง
----------------------------------------------------------

เรือออกจากหน้าหาดลายัน ตอน สี่โมงเย็น วันนี้ เรือออกจากท่าจอดที่ในคลองไม่ได้ เพราะน้ำลงมาก



ที่มองเห็นลิบๆ อยู่หน้าตึกขาวๆ คือหาดลายัน
——————————————
เรือแล่นออกมาประมาณ 20 นาที่ ก็ถึงจุดตกปลา จุดแรก ซึ่งไม่ห่างจากฝั่งมากนัก


วันนี้ไม่มีเรือตกปลา ลำอื่นๆ เพราะพวกเขารู้ว่า ไม่มีปลามากินเบ็ดแน่ๆ
-------------------------------------------------------------------------------

ตัวแรก คนอาวุโสในกลุ่ม เย่อได้ก่อน เป็นปลาหางแข็ง เป็นอันว่า ผมไม่ต้องคืนเงินแล้วครับ
——————————————
ตัวต่อๆมา ยิ่งเวลาเย็นลงดวงอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า ได้ปลามากขึ้น บรรยากาศในการตก สนุกสนานเพลิดเพลินมากขึ้น ผมและคนขับเรือได้รับคำชมเชย และขอสัมผัสมือตลอดเวลา



เริ่ม มันส์
—————————————–
ใกล้ค่ำ เราย้ายจากจุดแรก ลึกออกมาในทะเล อีกประมาณ 20 นาที

คราวนี้ เย่อขึ้นมาทีเป็นพวง และคนนี้มือใหม่ซิงๆ เพิ่งจับคันเบ็ดเป็นครั้งแรก ผมต้องสอนให้ทุกอย่าง และเหวี่ยงเบ็ดครั้งแรกเกือบเกี่ยวเอาหูผมไปด้วย

คนนี้ มือใหม่ซิงๆ
——————————
มืดแล้ว อีกหนึ่งพวง ก่อนถอนสมอกลับเข้าฝั่ง ด้วยความประทับใจของแขกจีนทุกคน

คนนี้ มือโปรฯ
-----------------------------------------------------------

ส่วนผม โล่งใจ ที่ผ่านพ้นวันนี้ไปได้ ด้วยความระทึกว่าเขาจะเอาเงินคืน แต่ยังมีปลาหน้าโง่ หลายสิบตัวมาช่วยผมใว้ได้ ต้องขอบใจ ปลาหน้าโง่ พวกนั้นจริงๆ

----------------------------------------------
นายชำนาญ ทะลึ่งเปิด ร้านค้าออนไลน์

นาย ชำนาญ เริ่มสร้างบล็อก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2552 นับจากวันนี้ 25 มีนาคม 2553 เหลืออีกสิบวันครบขวบปีพอดี ถ้าเป็นเด็ก ก็คลานได้.! แต่ นายชำนาญ เกิดเป็นเด็กบล็อก หนึ่งปี เพิ่งลืมตา ได้นิดหน่อย แค่นั้นเอง ไม่รู้จะได้โต หรือจะได้ตายเสียก่อนโต

หนึ่งปีที่ผ่านมา นั่งอยู่หน้าคอมพ์ฯ จนตาเข หมดแล้ว ยังไม่มีอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน คิดไปคิดมา ลองเปิดร้านค้าดูสิ เห็นเขาคุยกันนัก กันหนาว่ารายได้ดี ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ร่ำรวยกันไปมากมายหลายคน ก็เลยตัดสินใจ ไปหาซื้อหนังสือหนังหา ตำหรับตำรา มาหลายเล่ม เจอถูกใจ ของ นายต๊ะ ทรงชัย ณะอำภัย ชื่อ”รวยจนจุก คลุกวงใน ธุรกิจออนไลน์” อ่านไป อ่านมา รู้สึกเคลิ้มตาม ก็เลยไปสมัคร เปิดร้านค้าออนไลน์ฟรี (เรื่องของฟรีชอบมาตั้งแต่เกิด) อิอิกับ www.tarad.com แบบว่า ดำน้ำจนตาแดงก่ำ จนได้เปิดเป็นร้านค้า

ชื่อ ” ร้าน ชำนาญ ณ.อันดามัน สโตร์ ” ชื่อโบราณ เหมือนเจ้าของเร้านเลยนิ ฮิ. ฮิ. กะว่า จะขาย ไม้จิ้มฟัน ยัน เรืออวนลาก เลยหล่ะ (ไม่กล้าขายเรือรบกลัวติดคุก) เออ..พูดถึง ขายเรือรบติดคุก เพื่อนผมเคยโดน เมื่อสมัยเป็นทหาร แล้วจะเล่าให้ฟังวันหลัง

ถึงไหนแล้วหล่ะ? นอกเรื่องจนได้! เอ้า เมื่อเปิดร้านเสร็จแล้ว ลืมนึกตั้งแต่ทีแรก ว่าจะเอาของที่ไหนมาขาย? และจะเอามาด้วย วิธีไหน? นี่แหละปัญหาใหญ๋.!? ขนาดแค่สแปมคอมเม้นท์ ยังต้องรบกวน คุณน้องโกศล ให้ช่วย ไอ้เรื่องนี้ มันยากกว่าเป็นไหนฯ แต่จะทำยังไงได้ มาไกลแล้วนี่ ก็ต้องดันทุรังต่อไป กะว่าไปตายเอาดาบหน้า ก็แล้วกัน

ดำผุด ดำว่าย จนได้มา ตามที่เห็นอยู่ด้านล่างนั่นแหละครับ ถ้าใครมีจิตเมตตา กรุณาช่วยแนะนำหน่อยเถอะ ว่าจะเอาไม้จิ้มฟัน กับ เรืออวนลาก มาขายได้ยังไง? จะเป็นพระคุณ ต่อ นายชำนาญ ณ.อันดามัน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยครับ


------------------------------------------------------

เข้าไปเยี่ยมเยียน แวะชมกันบ้างน่ะครับ ร้าน ชำนาญ ณ.อันดามัน สโตร์ อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล ไปมาสะดวก รถราไม่ติด และรับรอง ไม่มีผู้ชุมนุม ครับพี่น้อง

--------------------------------------
สงกรานต์ปีนี้ จะไปเที่ยว ที่ไหนดี?

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์ประจำปี อันเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยเราอีกรอบปี ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวไทยมีกิจกรรมมากมาย เช่น การไปวัดตักบาตร ทำบุญ การสรงน้ำพระพุทธรูปที่เคารพศรัทธา การรดน้ำดำหัว คนเฒ่าคนแก่ ผู้หลักผู้ใหญ่ ที่เคารพนับถือ เพื่อขอพร และเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

ส่วนคนที่ไปทำมาหากิน อยู่ต่างถิ่น ต่างจังหวัด ก็ชวนกันกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยียน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง บ้างก็กลับคนเดียว บ้างก็พาครอบครัวกลับไปด้วย และที่เป็นประเพณี ยอดฮิต คือการจัดทอดผ้าป่าสามัคคีกลับไปวัดที่บ้านเกิด นับว่าเป็นกุศโลบายที่ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

ประเพณีการเล่นสงกรานต์ โดยทั่วๆไป จะเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 12-13-14 เมษายน แต่บางที่ บางแห่ง เริ่มกัน ตั้งแต่วันที่ 10 แล้วไปเลิกเอาวันที่ 15 โน่นเลยทีเดียว

เป็นธรรมดาของประเพณีการเล่นสงกรานต์ เมื่อเลิกราจากการรดน้ำ สาดน้ำในตอนกลางวันแล้ว พอถึงเวลาเย็นย่ำ ค่ำลง ก็จัดการตั้งวง ดื่ม กิน สรวลเสร เฮฮา ในหมู่เพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย ตามประสาคนที่ นานๆ ได้เจอกัน บางวงที่สังสรรค์ กันพอหอมปาก หอมคอ พอประมาณ แล้วเลิกรา แยกย้ายกันไปพักผ่อน ก็ดีไปอย่าง แต่ประเภทที่ล่อกันเข้าไป จนจำหน้ากันเองไม่ได้ มีเรื่อง มีราว วงแตก ก็มีอยู่บ่อยๆ หรือไม่ก็ พอได้ที่แล้วชวนกันออกไปต่อนอกบ้าน ประเภทนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เจอดี มักจะเจอร้ายซ่ะมากกว่า อย่างซวยน้อยที่สุด ก็เจอข้อหา เมาแล้วขับ โดนจับนอนโรงพัก รอขึ้นศาล เสียค่าปรับ เสียเวลา และเสียประวัติ ประเภทนี้แต่ล่ะปี มีไม่น้อย

ส่วนบางคน เมื่อเสร็จจากการ เข้าวัด เข้าวา เข้าหาผู้หลัก ผู้ใหญ่แล้ว ก็พาครอบครัว พาแฟน พากิ๊ก ไปพักผ่อน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บ้างก็ไป ป่าเขาน้ำตก บ้างก็ไปทะเล ชายหาด ตามรสนิยมและตามฐานะการเงินของแต่ล่ะคน

ปีนี้ ฝนทิ้งช่วงยาวนาน หลายพื้นที่ ในประเทศ เริ่มขาดแคลนน้ำ แม้แต่น้ำตก ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เริ่มกลายเป็นลำห้วย บ้างแล้ว ฉะนั้น ถ้าใครตั้งใจ จะไปเล่นน้ำตก ให้ชุ่มฉ่ำ หัวใจ ก็ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ว่าที่ไหนมีน้ำ ที่ไหน น้ำแห้ง จะได้ไม่ผิดหวัง

และถ้าใคร ตั้งใจจะเล่นน้ำ ให้ตัวเขียว ตัวดำ ตัวเกรียม ก็ขอแนะนำ ให้ไปทะเลเถอะ รับรองว่ามีน้ำให้เล่นเหลือเฟือ ไม่มีผิดหวัง จะโดยขับรถไปเอง รถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบิน ก็สะดวก สบาย

แต่ขอแนะนำไว้สักนิด สำหรับการไปพักผ่อน ตามเมืองท่องเที่ยว ในวันเทศกาล ควรจะจองที่พักไว้ล่วงหน้า ไม่ยังงั้น ท่านจะลำบากแน่ เพราะบางที่ แม้แต่วัด ก็ยังเต็ม อันนี้เรื่องจริง.!

สมัยนี้ การจองที่พัก สะดวกสบายมาก สามารถจองผ่าน เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีให้เลือกเป็นหมื่น เป็นแสนเว็บฯ และสามารถเปรียบเทียบ สถานที่ ราคาได้ ก่อนตัดสินใจจอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะได้ส่วนลดราคา มากกว่าเป็นพิเศษอีกด้วย และที่สะดวกสบาย สุดๆ คือสามารถจ่ายค่าที่พัก ผ่านทาง 7อีเล็ฟเว่น แถวๆ หน้าบ้าน เหมือนจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ นั่นแหละ จะสะดวก สบายเท่านี้ ไม่มีอีกแล้ว

จบเพียงเท่านี้ ขอให้พี่น้องชาวไทย จงมีความสุข กับวันสงกรานต์ โดยทั่วหน้ากันน่ะครับ

และขอย้ำเตือนอีกครั้ง “เมาอย่าขับ” น่ะครับ

จากใจจริงของ ชำนาญ ณ.อันดามัน

ป.ล. ถ้าจะจองที่พัก จองทัวร์ หรือ ตั๋วเครื่องบิน ลองแวะเข้าไปดู

ที่
"ร้านค้า ชำนาญ ณ.อันดามัน สโตร์" ได้น่ะครับ ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่งครับ

----------------------------------------
สงกรานต์ไปบ้านพ่อขอพร

สวัสดี ปีใหม่ไทยครับ พรรคพวก เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง และสหายร่วมแนวทั้งหลาย

ชำนาญ ณ.อันดามัน ไปสงกรานต์ บ้านพ่อเพื่อขอพร ที่นครศรีฯ เพิ่งกลับมาถึงภูเก็ต หาดทรายสีทอง สองวีรสตรีฯ เมื่อวานนี้ 15 เมษาฯ53 กลับมาเล่าขาน นิยามตามเรื่องราว เล่าพอสังเขป ให้ท่านได้เสพความ ตามอัธยาศัย.!

ฮั่นแน่..ไปเมืองศรีปราชญ์ กลับมา ก็ต้องว่ากันเป็นวลี กวีศิลป์ ซ่ะหน่อย อย่าให้เสียชื่อ ลูกหลานท่าน
ศรีปราชญ์ ผู้ยิ่งใหญ่ เกรียงไกรไปทั่วหล้า มหาสยาม นามประเทศ จริงแม๊ะ.?

ครับ..เมื่อคืนวันที่ 11 เมษาฯ เวลา 24.00 น. ดร.เรชา (ครูดำ) น้องชายผม ที่เป็นอาจารย์ อยู่ที่ จ.นราธิวาส กับ เจ้ามั่ง (น้องชายสุดท้อง อดีตมือกลอง วง"The Mountain” และท่านพ่อผม ด้วย) ขับรถมาฉกตัวผมจากภูเก็ต ไปบ้านพ่อ ที่นครฯ ตอนกลางดึก โดยไม่ทันได้ตั้งหลัก นัยว่า พี่ชายคนโต จะต้องไป ถึงก่อนใคร เพื่อเป็นเสาหลัก(ที่โอนเอน) ให้ครอบครัวและน้องๆ ในการนำทำพิธี รดน้ำดำหัว ขอพรจากพ่อแม่

จริงๆ แล้วความตั้งใจของผม วางแผนใว้ว่า จะไปตอนบ่ายๆ ของวันที่ 12 เมษาฯ ขับรถ สบายๆ 4-5 ชั่วโมง กะว่าไปถึง ตอนเย็นย่ำค่ำหมาดๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ชายชาติอาชาไนย พิศมัย เสียหนักหนา ที่จะได้สนทนา พาที กับสหายผู้รู้ใจ เยี่ยง "โก้วเล้ง” ผู้ล่วงลับ ฉันใดก็ฉันนั้น

แต่ ก็หาเป็นไรไม่ ชำนาญ ณ.อันดามัน เดินทางถึง ณ.เวลาใด สหาย “จอมยุทธ” ผู้รู้ใจทั้งหลาย ย่อมรอคอย เพื่อคารวะ สุราจับกรอก อยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยไม่นำพา ว่าจะเป็นเวลากี่โมง กี่ยาม.!? น้ำใจของสหายทั้งหลาย หนักแน่น ยิ่งใหญ่ประดุจ “ขุนเขาเหลียงซาน” จริงๆ.!

ผมกับสหาย “จอมยุทธ” ผู้รู้ใจหลายท่านนั้น สนทนาตีความคัมภีร์วิทยายุทธ และทดสอบกำลังภายในซึ่งกันและกัน จนหลายชั่วยามผ่านไป กระทั่งสายแก่ๆ ของวันที่ 12 เมื่อปรากฏว่า “สุราพันปี” หมดไปหลายให ”จอมยุทธ” ทั้งหลายล้วนมิมีผู้ใด เพลี่ยงพล้ำให้แก่ผู้ใด หากแต่ ล้วนต่างกำลังภายในอ่อนล้าถดถอย ลมหายใจเริ่มติดขัด จึงได้พร้อมใจกันเลิกรา ไปพักผ่อน เดินลมปราณ เพิ่มพลังภายใน เพื่อจะกลับมา ศึกษาตีความ คัมภีร์วิทยายุทธ ในราตรีถัดไป.

เรื่องราวของ “จอมยุทธ” ดำเนินไปตามวิถี ในราตรีถัดมา

ข้าพเจ้า “ชำนาญ ณ.อันดามัน” ในนามผู้ประพันธ์ ขอนำท่านผู้อ่านไปยังฉาก ของวันที่ 13 เมษาฯ วันมหาสงกรานต์ ปีใหม่ไทย เวลา เจ็ดโมงเช้า ผม,ดร.เรชา,เจ้ามั่ง และหลานชายอีกคน ไปตลาด “หัวอิฐ” เพื่อหาซื้อ อาหาร ผัก ผลไม้ และ ดอกไม้ พวงมาลัย กลับมาบ้านพ่อ เกือบ สิบโมง ผมจึงได้ จัดสถานที่ สำหรับการทำพิธี จนกระทั่ง เวลา 10.59 จึงได้เริ่มพิธี สวดมนต์ ไหว้พระ สรงน้ำ “พระพุทธสิหิงค์” และ “องค์พ่อจตุคาม” และ รดน้ำ ดำหัว ขอพร พ่อแม่ จนครบถ้วน กระบวนความ

ชำนาญ ณ.อันดามัน จุด ธูป เทียน เตรียมไหว้พระ
————————————

ขอพรพ่อ
——————————

ล้างเท้าแม่
—————————————–

สำหรับ ปีนี้มีลูกหลาน ญาติพีน้อง ไม่กี่คน เพราะญาติผู้ใหญ่ล้มหาย ตายจากไปหลายคน ลูกๆ หลานๆ จึงขาดหายไป น้องสาวของผม ที่เป็นอาจารย์ อยู่ที่ อ.ทุ่งใหญ่ ติดอยู่ที่บ้านสามี ส่วนเจ้า “ชาง ซาไก” ก็ติดอยู่กลาง “ดงแดง” ที่ อ.ชนบท ขอนแก่น แต่ทุกอย่าง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เหมือนทุกปี

ใส่เสื้อกล้าม ดร.เรชาหรือครูดำ อดีตมือกีต้าร์โซโล่วง The Mountain(ไม่มีหุ่น ดร.เลยพับผ่า)
———————————————

เสร็จพิธีการทุกอย่าง ก็มีการเล่นน้ำสงกรานต์ และดื่มกินกัน อย่างสนุกสนาน เหมือนทุกปี

ส่วน “จอมยุทธ” ทั้งหลาย ก็ประลองกำลังภายในกันต่อไป ใครเพลี่ยงพล้ำ ก็ล่าถอย ไปเดินลมปราณ แล้วกลับมาประลองใหม่ ตัว ”เจ้าสำนัก” ชำนาญ ณ.อันดามัน ร่วมวง สัปยุทธ เป็นครั้งครา ตามประสา ผู้เฒ่าจอมขมังเวทย์ ฮ้า ฮ้า..

จนทิวา ราตรี ผ่านไป วันที่ 15 เมษาฯ ผู้ประพันธ์ จำใจต้อง อำลา บุพการี ทั้งสอง ญาติพี่น้อง และ “จอมยุทธ” ทั้งหลาย ด้วยอาลัยอาวรณ์ เพื่อกลับ สำนักตักศิลาพาราภูเก็ต ด้วยรถตู้ครับ พี่น้อง เพราะไอ้ ดร.เรชา มันบอกว่า จ้างเฉพาะตอนขาขึ้น ไม่ได้จ้าง ตอนขาลง ผมจึงต้องหาวิธีลงเอง ด้วยความทุลักทุเล เวรกรรม.!

ปล.ผมจะผ่าตัดตา วันที่ 22 เมษาฯนี้ คงอีกหลายวัน ถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีก

แต่ ถ้าโชคร้าย..เฮ้อ ไม่อยากพูดถึงเลย สวัสดี.

(ผ่าตัดตา ภาคแรก ภาคสอง อ่านที่หน้าแรก คลิกที่นี่)

---------------------------------------
นายชำนาญ จะเปลี่ยนอะหลั่ย

วันที่ 22 เมษาฯ หมอนัด เอาลูกกะตาแท้ออก แล้วเอาอะหลั่ย ของเทียมยัดเข้าไปแทน สาเหตุจากต้อกระจก หลังจากนั้น ยังกำหนดไม่ได้ว่า จะช้า เร็ว กี่วันจึงจะใช้งานได้อีก และหรือไม่.? ถ้าโชคไม่ร้ายจนเกินไป ก็คงจะได้อ่านเรื่องสัพเพเหระกันต่อไป แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็คงจะได้อ่านเรื่องเก่าๆ จนเบื่อกันไปเอง

ก้ได้แต่หวังลึกๆ ว่า จะยังมีโชคดีอยู่บ้างงงง

แล้วพบกันใหม๋ เมื่อโชคร้ายไม่ต้องการ

จากใจจริงของ ชำนาญ ณ.อันดามัน

เขียนเมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 20 เมษายน 2553

-------------------------------------
อวยพรวันเกิดให้กับตัวเอง 
 
หิ้งพระของชำนาญ
------------------------------
เช้านี้ ได้รับ sms จากดีแท็ก อวยพรวันเกิด ให้ชำนาญ เออ! นึกขึ้นได้ วันนี้ 16 พ.ค.วันเกิดเรานี่หว่า..ลืมไปแล้วจริงๆ
2498 ถึง 2553 ตั้ง 55 ปีเชียว ชีวิตเดินมานานเหมือนกันน่ะ
ผิดมาบ้าง ถูกมาบ้าง ล้ม แล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะต้องเดินอีกยาวนานเท่าไหร่? แต่..ก็ต้องเดิน.!และอยู่ต่อไป จนกว่าโลกนี้จะไม่ต้องการ
ค่อยไปอยู่โลกอื่น (ซึ่งถ้ามีตามเขาว่า)
เมื่อก่อน ทำทุกอย่าง สำหรับเพื่อตัวเอง
ปัจจุบัน ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อคนอื่น
ทำไม ความคิดของคน มันถึงเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้?
คิดจะไปวัด ถวายสังฆทาน แต่ศักยภาพ ของสังขารก็ไม่อำนวย จึงได้แค่จุดธูป จุดเทียน ไหว้พระ(ซึ่งก็ทำเป็นประจำ) แล้วนั่งพิจารณา ถึงชีวิตที่ผ่านมา
พบว่า หลายครั้ง หลายครา หลายสิ่ง หลายอย่าง ไร้สาระสิ้นดี!
ยังไง ก็อวยพรวันเกิดให้ตัวเองสักนิด.

สุขสันต์วันเกิดน่ะ ชำนาญ

------------------------------

เศร้าใจกับไทยมุง

 


กูไม่ใช่เสื้อแดงโว้ยยยย...!

ดูข่าวแล้วรู้สึกเวทนา และศร้าใจกับพี่ไทยมุงทั้งหลาย

เขาถล่มกันยังกะสนามรบ ไปยืนออรอดูกันหน้าสลอน

คิดไม่เป็นหรือยังไงว่า ไอ้ลูกกระสุน ไม่ว่าจะมาจากไหน ใครยิง มันเลี้ยวไม่เป็นหรอก
เพราะมันไม่รู้หรอกว่าผู้ก่อการร้ายหรือไทยมุง?

เพราะฉะนั้นจึงตายลูกเดียว!
-----------------------------


ขอคารวะ.!


พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
-----------------------------------

สหาย! ท่านคือ จอมยุทธ ที่แท้จริง

ไม่ทรยศต่อสำนัก ไม่เนรคุณต่อแผ่นดิน

บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ

ข้าพเจ้า ยินดีปลิดศีรษะบนบ่าของข้าพเจ้า มอบให้ทุกเวลาเพื่อปกป้อง เฉกเช่นเดียวกับท่าน   นับถือ นับถือ

ขอคารวะด้วยความจริงใจของ ชำนาญ ณ.อันดามัน


เขียนเมื่อ พฤษภาคม 2553
-----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน