เช้าของวันที่สาม (13 พ.ย.54) พวกเราเช็คเอ้าท์ออกมาจากบ้านน๊อกดาวน์ที่อำเภอเถิน ประมาณ 7 โมงเช้าเศษๆ แวะกินกาแฟที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อไป
กระทั่งถึง “กาดทุ่งเกวียน” ตลาดนัดค้าขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ริมถนนสายเอเซีย เถิน-เชียงใหม่
ผมใช้เวลาหลายนาที สำหรับการหาที่จอดรถ หลังจากโยกไปหน้า โยกถอยหลัง สอง สามครั้ง พอเข้าที่และดับเครื่องยนต์ สหายทั้งสองลงจากรถไปก่อนและไปยืนคุยอยู่กับแม่ค้าสาวที่คะยั้น คะยอให้ซื้อสินค้าอะไรบางอย่าง แต่สหายทั้งสองของผมส่ายหน้าและเดินหนีเข้าไปในตัวตลาด ส่วนผมล่าช้าอยู่กับการล็อคประตูรถและตรวจดูความเรียบร้อยในการจอด และเมื่อกำลังจะข้ามถนนตามสหายไป แม่ค้าคนนั้นก็มายืนขวางหน้า พร้อมกับชูสินค้าชิ้นหนึ่งให้ผมดูและเปิดการขายทันที!..
สินค้าชิ้นแรกที่แม่ค้านำเสนอขาย
“คุงขา..ไปแอ่วเมืองเหนือ คุง..ทกลองใช้อังนี่ซี ลีมักมัก หนา” สำเนียง บ่งบอกชัดเจนว่า
เธอไม่ใช่คนพื้นราบ
“ไม่เอาหละ” ผมปฏิเสธ พร้อมกับส่ายหน้า
“ทะ มาย ม่ายเอา?” เธอทำหน้าสงสัยและพูดต่อว่า “อังนี้ ทาแล้วทงลีหนา” บอกวิธีใช้และโฆษณาสรรพคุณเสร็จสรรพ
“ไม่ต้องใช้ก็ทนอยู่แล้ว!.” ผมบอกเธอยิ้มๆและส่ายหน้าปฏิเสธอีก
แต๋เธอก็ไม่ยอมลดละ พร้อมกับเปลี่ยนสินค้าชิ้นใหม่มาให้ผมดู
สินค้าชิ้นที่สอง ที่นำเสนอ
“ยางง้าน เอาอังนี้ ไปใช้ลู ระรอง ท้างหญ่าย ท้างยาว สาสาติกจายทูกคง” เธอพูดหน้าตาขึงขัง จริงจัง น่าเชื่อถือ!!!!..
ผมเกือบจนตรอก เพราะคิดไม่ออกว่าจะสลัดให้หลุดออกมาจากเธอได้ยังไง!?..
แต่..ชำนาญ ณ.อันดามัน ซะอย่าง!.. ผ่านมาร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำ มีรึจะยอมตายน้ำตื้น!!!!.
“เอายังงี้!. ซื้อก็ได้ ถ้าทาแล้วมันใหญ่และยาวขึ้นมาจริงๆ จะกลับมาใช้กับเธอ ตกลงมั๊ย?”
พอผมพูดจบ หน้าของเธอแดงเหมือนมะขือซ๊อส ที่ใช้ใส่ส้มตำเลยครับพี่น้อง อิอิ..
“ม่ายล่ายลอกค่า นู๋มีสามีแล้ว” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับหลบตาผม
“ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ซื้อ ขอบใจนะ ไปหล่ะ” แล้วผมก็รีบจ้ำข้ามถนน ปล่อยให้เธอยืนตัดสินใจอยู่ตรงนั้น ว่าจะตกลงตามข้อเสนอของผมดีหรือไม่!?..ฮา ฮา ฮา...
สินค้าหลากหลาย ภายใน "กาดทุ่งเกวียน"
เมื่อผมเข้าไปภายในตัวตลาด มองหาสหายของผมทั้งสองไม่เห็นซะแล้ว จึงได้เดินเกร่ชมสิ้นค้าต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย ทั้งที่วางแบอยู่บนพื้นและวางอยู่บนแผง มีแม่ค้าหน้าตาจิ้มลิ้มคอยชักชวนให้ซื้อสิ้นค้าของเธอด้วยภาษาไทยสำเนียงของคนพื้นที่สูง
คนขายบอกว่า เคยมีเหล้าชื่อ "แมวใจดี" แต่เลิกผลิดไปแล้ว
แฉล้ม แช่มช้อย แต่ "พูกไทยไม่ชัก"
ผมถือโอกาสเก็บภาพของแม่ค้า สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ยิ้มบ้าง ไม่ยิ้มบ้าง มาได้หลายคน กระทั่งพบกับสองสหายและกลับมาขึ้นรถ(แม่ค้าทั้งยาวทั้งใหญ่คนนั้นยังยืนยิ้มอยู่ข้างรถ) เราออกจากที่นั่นมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป....
เราไม่ได้เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ตรงไปอำเภอแม่แตง เพื่อขึ้นดอยไปให้ถึงอำเภอปายก่อนค่ำ.
เมื่อเข้าสู่ถนนสายแม่แตง-ปาย ผมรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร สารภาพกันตรงๆว่าผมเพิ่งจะขับรถบนถนนสายนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต จากที่เคยได้ยิน ได้ฟังมาว่าเป็นถนนสาย “ปราบเซียน” จึงต้องใช้ความระมัด ระวังมากเป็นพิเศษ และกลัวจะเจอป้ายที่บอกว่า “ระวังทางตรง” แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่เจอสักป้ายเดียว เอิ๊กๆๆๆ...
ขึ้นเขามาสักพัก ข้างทาง มีป้ายติดอยู่ เขียนตัวโตๆว่า “จุดจอดอ๊วก” เสียดายที่ผมไม่ได้
จอดอ๊วก จึงไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก!!!..
กระทั่ง หลังเที่ยง เราเจอร้านอาหารอิสลามบนยอดดอย ซึ่งมีข้าวซอยที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือไว้บริการนักท่องเที่ยว และที่สำคัญ มีต้มซุปหางวัวแบบอิสลามด้วย ผมไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะได้กินซุปหางวัวบนยอดดอย บนเส้นทางไปเมืองสามหมอก
ข้าวซอยไก่
ค่อยรู้สึกเป็นคนขึ้นมาหน่อย เมื่อได้มีอาหารหนักๆตกถึงท้องบ้าง เราออกจากที่นั่น เป้าหมาย “ห้วยน้ำดัง” เป็นจุดหมายต่อไป
ไม่ถึง 100 โค้ง ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 55-56 เราก็ถึง “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” เลี้ยวขวาเข้าไปไม่เกิน 10 นาที ก็ถึง “ดินแดนแห่งมนต์หมอก” ซึ่งขณะนั้นมีนักท่องเที่ยวกำลังชมทิวทัศน์ธรรมชาติกันหนาตาพอสมควร.
ซึมซับกับทิวทัศน์อันงดงามของยอดดอย ปุยเมฆ ม่านหมอกและหน้าผาสูงตระหง่าน เก็บภาพความงดงาม แปลกตา จากมุมมองต่างๆ จนพอใจ จึงลาจาก “ห้วยน้ำดัง” มุ่งหน้าขึ้นดอยต่อไปยัง
“ปาย” อันเลื่องลือ เป็นจุดหมายสำคัญของวันนี้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน