วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ริกไม่ริก


"ริก" คือคำพูดใช้แทนการร้องของนกกรงหัวจุก เป็นที่รู้กันในหมู่คนเลี้ยงนก
ใช้เป็นศัพท์และกติกาตัดสินผลแพ้ชนะในการแข่งขันนกกรงหัวจุก

กติกาการแข่งขันเสียงร้องของนกกรงหัวจุก คิดเป็น "ยก" และเป็น "ดอก" เช่น 4 ยก 8 ดอก
1 ยก ใช้เวลาประมาณ 20 วินาที โดยการใช้ขันน้ำแสตนเลส เจาะรูตรงกลาง
แล้วนำไปลอยไว้ในถังหรือในกาละมัง ที่มีน้ำอยู่เต็ม เมื่อขันน้ำจม คิดเป็น 1 ยก

ส่วน "ดอก" คือการ "ริก" ของนก จำนวนกี่ครั้ง ใน 1 ยก
ซึ่งจะมีความแตกต่างในการแข่งขันของแต่ละประเภท

ส่วนรางวัล ที่เรียกว่า "ค่าเลี้ยงดูนก" พร้อมเกียรติบัตรและของสมนาคุณ
ขึ้นอยู่กับสนามแข่งว่า เป็นสนามเล็กหรือสนามใหญ่
ถ้าเป็นสนามใหญ่ ที่มีนกราคาหลักล้านลงแข่ง "ค่าเลี้ยงดูนก"
ย่อมเป็นเงินตัวเลขหลายหลักตามมา
และของสมนาคุณ ก็มีตั้งแต่พัดลมจนถึงรถยนต์กันเลยทีเดียว


กระบวนการและขั้นตอนการแข่งขัน
เมื่อถึงเวลากำหนดการ การแข่งขัน
กรรมการจับเวลาจะเป่านกหวีดเป็นสัญญาณ ให้เจ้าของนก
นำนกขึ้นราวและเปิดผ้าคลุมกรงออก


เมื่อเห็นว่ากรงนกทุกกรงพร้อม จึงวางขันน้ำลงในถังและเป่านกหวีด
ประมาณ 20 วินาที เมื่อขันน้ำจมลง กรรมการเป่านกหวีด
เท่ากับหมดไปหนึ่งยก

เมื่อหมดยก กรรมการที่มีหน้าที่ นับการ "ริก"ของนกแต่ละตัว
จะเข้าไปทำเครื่องหมายไว้ที่ป้ายซึ่งผูกติดไว้กับกรงนก
แล้วเริ่มยกต่อไป จนกว่าจะครบตามกติกา


ส่วนกองเชียร์และเจ้าของนก ก็ยืนลุ้นและเชียร์กันอยู่ใกล้ๆราวแขวนกรงนกนั่นเอง
การแข่งขันดำเนินไปจนกระทั่ง ได้นกที่ "ริก" ได้นานที่สุด
เป็นอันตัดสิน แต่ถ้ามีนกเกิน 1 ตัว ที่ไม่ยอมแพ้กัน
ก็จะมีการจับฉลาก เพื่อหานก ชนะที่ 1 ให้ได้

เป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อประดับความรู้
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ หาอ่านได้ทางเว็บไซต์ต่างๆครับ

ชำนาญ ณ.อันดามัน ขอออกตัวไว้ตรงนี้ว่า ไม่มีความรู้เรื่อง "นกกรงหัวจุก" เลยครับ
แม้แต่เสียงร้องของมัน ยังฟังไม่เป็น อิ อิ..
แต่ถ้าเป็น "อีหัวจุก" พอเข้าใจอยู่บ้าง ฮ้า..ฮ้า..ฮ้า..
----------------------------

ดูวีดีโอการแข่งขัน "ริก"




-----------------------

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปัญหาระหว่างตัวแทนขายทัวร์กับบริษัททัวร์ ในเขตอันดามัน


จากโพสต์ของเพื่อนบน Facebook ได้นำเสนอ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตฉบับใหม่ พาดหัวไม้ตัวโตว่า ทัวร์เถื่อน...ทำท่องเที่ยวพัง โดนใจผมอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาใกล้เคียงหรือปัญหาทำผิดกฏหมายท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์เหมือนกัน เป็นเรื่องที่ผมเคยเขียนนำเสนอมาก่อน ผมต้องการสะท้อนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้รับผิดชอบ ได้หาทางแก้ไข โดยเร็วก่อนจะสายเกินแก้
จากโพสต์นี้ ผมจึงตัดสินใจ นำข้อเขียนของผม กลับมาลงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตอกย้ำว่า ปัญหานี้ ยังมีอยู่...
เชิญติดตามอ่านครับ...
---------------------------------------------------
ปัญหาระหว่างตัวแทนขายทัวร์กับบริษัททัวร์ มีมาอย่างสม่ำเสมอและยาวนาน เนื่องจากผลประโยชน์ที่ ไม่ลงตัว ระหว่าง ตัวแทนขายทัวร์(Agency)กับผู้ประกอบการนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์ (Tour company )ซึ่งเป็นปัญหา อึดอัด หนักอก หนักใจของบริษัททัวร์ ตลอดมา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแข่งขันกันลดราคา แข่งขันกันตัดโปรแกรมทัวร์ให้หดลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและปัญหาใหญ่คือเบี้ยวค่าทัวร์

สมมุติว่า ผมก่อตั้งบริษัททัวร์ขึ้นมาชื่อ “หิมพานทัวร์” มีโปรแกรมหลักคือนำเที่ยวภูเขาหิมพานบรรพต ผมขออนุญาตจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เปิดสำนักงานใหญ่โตโอ่โถง อยู่ในเมืองภูเก็ต ต่อจากนั้นก็ดำเนินการ จัดพิมพ์ Brochure กำหนดโปรแกรมทัวร์ ตามมาตรฐานทั่วไป

เช่น เริ่มต้นการเดินทางกี่โมง? จบกี่โมง? บริการอาหารและเครื่องดื่มอะไร.? เวลาไหน.? สิ่งอำนวยความสะดวกที่บริษัทจัดให้สิ่งของจำเป็นส่วนตัวของนักท่องเที่ยวที่จะต้องนำติดตัวไป ไกด์พูดภาษาอะไร? สุดท้ายเลขที่ ใบอนุญาตจาก ททท.และที่สำคัญที่สุดคือ “ราคาค่าทัวร์” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อทัวร์จากบริษัทของผม

สมมุติอีก (ก็บริษัทสมมุติ แต่เป็นเรื่องจริง) เมื่อมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ผม(จ้าของบริษัท) พนักงานสำนักงาน(หลายตำแหน่ง), ไกด์(อย่างน้อย 3 คน),พนักงานขับรถ รวมสิบกว่าชีวิต ก็นั่งรอให้นักท่องเที่ยวมาซื้อทัวร์ที่สำนักงาน

รับรองว่า นั่งตบยุง..ไม่ถึงสามเดือน.. ผมเจ๊งครับ.เพราะไม่มีใครรู้จัก บริษัท “หิมพานทัวร์” ของผม

แล้ว..ผมจะทำยังไงให้มีคนรู้จัก.?

ท่านผู้รู้ บอกว่า.. (ไม่สงวนลิขสิทธ์) จะต้องทำการ Promote,โฆษณา,ประชาสัมพันธ์ กับสื่อสิ่งพิมพ์,วิทยุ,โทรทัศน์, ป้ายคัตเอ้าท์, เว็ปไซต์ และที่สำคัญที่สุด ต้องทำ Contact กับ Counter tour ซึ่งเป็น Agency สำคัญ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปเหมือนเห็ดโคนตอนหน้าฝน

เช่น ที่ Lobby โรงแรม,ริมถนนชายหาดต่างๆ, สถานี บขส.,สถานีรถไฟ,ท่าเรือ,ร้านอาหารหรูๆ,ห้างสรรพสินค้า แม้กระทั่งในโรงพยาบาลเอกชน

เคาเตอร์ทัวร์หรือ Agency เหล่านั้น จะสัมผัสกับนักท่องเที่ยวโดยตรง ตัวแทนขายทัวร์ต่างๆเหล่านั้น มีทั้งที่จดทะเบียนกับสำนักงานการท่องเที่ยวเขต ถูกต้องตามกฎหมายและ พวกขาย”ทัวร์เถื่อน” ซึ่งมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ

ทีนี้มาดูกันว่า ปัญหามันอยู่ตรงไหน? ตามมาดูปัญหากันครับ มิตรรัก นักชม…

บริษัท หิมพานทัวร์ พิมพ์ราคาขายโปรแกรมทัวร์ One Day Trip ไว้หน้า Brochure คนล่ะ 2,000 บาท เมื่อไปติดต่อทำ Contract Rate กับ ตัวแทนขายทัวร์ ราคา Net ที่บริษัทจะได้ คือ ผู้ใหญ่ คนล่ะ 1,000 บาท ตัวแทนขาย จะได้ส่วนต่าง 1,000 บาทต่อคน และส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวจะมาคู่ เพราะฉะนั้นเขาจะได้ 1,000×2 =2,000 บาท เขาได้ค่าขาย 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แค่พูดแล้วเก็บเงิน ส่วนบริษัทจะได้ 2,000 บาทเท่ากัน ซึ่งต้องลงทุนมากมายและจะต้องรับผิดชอบกับปัญหาทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว!..

ปัญหาอยู่ที่ว่า ตัวแทน (Agency) ขายคนล่ะ 2,000 บาท ฝรั่งไม่ซื้อนี่สิ คือจุดเริ่มต้น

คนละ 2,000 บาท ฝรั่งบอกว่าแพง ไม่ซื้อ เอเย่นต์ ลดราคาเหลือ 1,800 ฝรั่งยังไม่ซื้อ ลดอีก1,500 ไม่ซื้ออีก ลดอีก เหลือ 1,000 ทีนี้เท่าทุนแล้ว

ฝรั่ง ก็ยังไม่ซื้ออีก ทำไม? เพราะฝรั่ง เดินถามมาทุกเคาเตอร์ตลอดชายหาด ฝรั่งรู้ว่า ทัวร์ทุกโปรแกรม ต่อ-รองราคาได้ เหมือน ซื้อผัก ซื้อปลา (ใครทำให้ ฝรั่งรู้.?)

เขาจึงคิดว่าต้องมีที่ถูกที่สุด แต่..คุณพี่ Agency กลับคิดว่า เห้...ไอ้.ฝรั่ง ขี้เหนียว รู้มาก..(โดยไม่ได้นึกเลยว่าใครทำให้ฝรั่งรู้มาก)แต่ยังไง วันนี้ต้องขาย เอาเงินไปหมุนก่อน เพราะแพ้ห้วยหุ้นเมื่อตอนเที่ยงหลายพัน และคืนนี้ยังต้องไปจ่ายค่า อพาตเม้นท์ให้กิ๊ก อีก สามพันห้า

คุณพี่แกก็ต้องขาย 800 บาท ต่อคนครับท่าน ขาดทุนไปแล้ว คนล่ะ 200 บาท ไม่เป็นไร ค่อยขายรายใหม่ เอามาชดเชย

แต่ มันไม่ได้อย่างที่คิดเสมอไป อย่างตอนหน้า “โลว์ซีซั่ นักท่องเที่ยวมีน้อย เคาเตอร์ทัวร์ ยังมีเท่าเดิมและยังมีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ขายทัวร์ ได้แล้วเอาเงินมาใช้จ่ายก่อน พอถึงเวลาบริษัททัวร์ วางบิล ไม่มีให้เขา หลายบริษัทเข้า หลายครั้งเข้า รวมเงินเป็นแสน ทำยังไงล่ะทีนี้ ..ปิดเคาเตอร์ หนีสิครับ พี่น้อง.. เบี้ยว มันทั้งค่าทัวร์, ค่าเช่าเคาเตอร์, ค่าน้ำ, ค่าไฟ เผลอๆ ค่าข้าวราดแกงร้านข้างๆด้วย ฮ้า..ฮ้า..

อีกปัญหา มาจาก พวกขาย “ทัวร์เถื่อน” เช่น แท็กซี่ป้ายดำที่ตั้งคิว(เถื่อน)ตามหน้าโรงแรม, รถตุ๊กตุ๊ก, มอเตอร์ไซต์รับจ้าง พวกประดานี้ บริษัทไม่ได้ทำ Contact แต่ สำหรับโบรชัวร์ ของบริษัท พวกนี้ หาได้ไม่ยาก พวกเขามีโบรชัวร์ ของบริษัทต่างๆ อย่างล่ะใบ สองใบ พวกเขาก็หากินได้ พวกนี้จะลดราคาสะบั้นหั่นแหลก ขายนักท่องเที่ยว คนล่ะ 1,000 บาท เขาหักไว้แล้ว 200 ที่เหลือบอกให้นักท่องเที่ยว จ่ายที่ บริษัททัวร์ในวันไปทัวร์ จัดการโทรจองทัวร์ ให้เสร็จสรรพ บอกให้บริษัทเก็บเงินค่าทัวร์จากแขกด้วย

พอถึงวันทำทัวร์ บริษัทขอเก็บเงินส่วนที่เหลือจากแขก แขกจ่ายมาคนล่ะ 800 และยืนยันว่าเขาตกลง ซื้อมาคนล่ะ 1,000 บาทและจ่ายไปแล้ว 200 ทำยังไงล่ะครับ ก็ต้องจำยอม พาเขาไป ไม่งั้น ฝรั่งโวย กลายเป็นหนังเรื่องยาว แน่ๆ นี่คือหนังตัวอย่างบางตอน

ยังมีอีก บริษัทหิมพานต์ทัวร์ ของผม ยังไม่หมด วิบากกรรม ยังมีบริษัทอื่น ที่ขายทัวร์ โปรแกรมเดียวกัน แต่ ทำ Contact กับ เคาเตอร์ทัวร์ ในราคาที่ต่างกัน เช่น ขายคนล่ะ 2,000 บริษัทเอาเน็ทแค่ 800 เคาเตอร์กินส่วนต่างๆป 1,200 พวกนั้นก็ส่งให้ บริษัทนั้นตลอด ไม่เหลียวแล หิมพานต์ทัวร์ของผมอีกเลย

ฝรั่งนักท่องเที่ยว ได้ประโยชน์ เต็มๆ ผลปรากฏว่า บริษัท “หิมพานต์ทัวร์” ของผมเจ๊ง ครับท่านผู้ชม เพราะไม่มีลูกค้า แล้วอีกไม่นาน บริษัทนั้นก็เจ๊งตามมา เพราะขาดทุน ทุกเที่ยว และโดนเคาเตอร์ทัวเบี้ยวด้วย..สมน้ำหน้า ฮ้า..ฮ้า..ฮ้า..

สรุปว่า ปัญหาส่วนใหญ่ เกิดขึ้นตามที่ผมสาธยายมานี่แหละ ซึ่งก็แก้ยากมาก ตราบใด ที่คนยังมีความเห็นแก่ประโยชน์ ส่วนตนสูง และไม่คำนึงถึงผลเสียกับวงการท่องเที่ยวที่จะตามมาในอนาคต

ความมีมาตรฐาน ทางด้านราคา ด้านบริการ และคุณภาพต่างๆ ของผู้ประกอบการ การท่องเที่ยว ในเขต อันดามัน ก็จะตกต่ำลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็ถึงกาลอวสาน พังพินาศยับเยินกว่า “สึนามิ” อย่างเทียบกันไม่ได้ทีเดียว.

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

วนิพกอินเตอร์


ก่อนสึนามิที่ญี่ปุ่น 2-3 วัน เกาะภูเก็ต ตอนเช้าครึ้มฟ้าครึ้มฝน พอตกบ่ายฝนตก 
และหลังสึนามิที่ญี่ปุ่น 2 วัน ตอนเช้าฝนตก ตอนเย็นฝนก็ยังตก

พวกฝรั่งบนหาดลายัน พอมีอยู่บ้าง แต่พวกนั้นไม่อยากไปทัวร์
เพราะกลัวสึนามิเหมือนกัน..

ชำนาญ ณ.อันดามัน ไปนั่งขายทัวร์ที่หาดลายัน
นั่งหาวตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวัน ขายไม่ได้สักทัวร์
หากินกับนักท่องเที่ยวยากขึ้นทุกที
ปีนี้แค่นี้ แล้วปีหน้าจะเป็นยังไง?...

นายชำมะนาญ สู้วนิพกนักร้องพเนจรยังไม่ได้ ได้อดตายกันคราวนี้..
นักร้องวนิพก หากินกับคนไทยไม่ได้ เขาไม่ง้อ!..
พัฒนาไปอีกขั้น หากินกับฝรั่งตามชายหาด เป็นวนิพกอินเตอร์ซะเลย..
และดูตามรูปการณ์แล้ว น่าจะไปได้สวยซะด้วย
คิดๆ ก็อยากจะเปลี่ยนอาชีพเหมือนกัน
แต่..ติดอยู่ที่ว่า จะต้องเสียสละอวัยวะชิ้นสำคัญนี่สิ!...
จึงทำให้คิดหนัก..

มาดูกันว่า ที่ผมเล่ามานี่ พวกนั้นน่าจะมีรายได้ดีกว่าการขายทัวร์จริงหรือไม่?..




สาบานได้ว่า...ผมไม่ได้อิจฉา วนิพกเขาหรอกนะ..
แต่เห็นเขามีรายได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ยังไงก็ไม่รู้.!?..


วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทริปพ่อมดชำมะนาญเปิดป่าเขาสกกับลูกทัวร์ไซบีเรีย


โปรแกรมเขาสก 2 วัน 1 คืน (Khao Sok Jungle Safari 2 Days / 1 Night) 
ไปในนาม เซ้าท์จังเกิ้ล อีโก้ ทัวร์ (South Jungle Eco Tour) เมื่อวันที่ 23-24 ก.พ.
ที่ผ่านมา
ชำนาญ ณ.อันดามัน มีลูกทัวร์ 6 คน

จากโรงแรมแถวหาดกะรน 2 คน เป็นแหม่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับไกด์
หลังจากขึ้นรถ ผมสอบถามถึงประเทศที่มา ได้คำตอบว่ามาจากฟินแลนด์
ภาษาอังกฤษดี คนจากประเทศในกลุ่มนี้ มารยาททางสังคมโลกไม่น่ากังวล
ถือว่าสอบผ่าน..

อีก 4 คนจากโรงแรมย่านหาดป่าตอง
เมื่อผมไปถึงล๊อบบี้ของโรงแรม 07:30 เลยเวลานัด 15 นาที
แต่ผมไม่เจอ 4 คนนั่น จึงขอให้รีเซ๊ฟชั่นโทรไปที่ห้อง ก็ไม่อยู่
ผมจึงต้องถือแฟ้มบุ๊คกิ้ง ไปตามหาที่ห้องอาหาร

แล้วก็เจอหญิงชาย คู่หนึ่ง สอบถามชื่อเสียงเรียงนาม เบอร์ห้อง ใบจองทัวร์ถูกต้องตรงกัน
 เขายังนั่งกินอาหารเช้าสบายใจเฉิบ ส่วนอีก 2 คน ไม่รู้อยู่ไหน?..

ผมถามถึงอีก 2 คน แหม่มผู้หญิงเป็นคนตอบ ภาษาอังกฤษลิ้นรัวแบบรัสเซีย
บอกว่าไปห้องน้ำ...

ขณะที่ผมฟังคำตอบจากเธอ ผมมีความรู้สึกหนาวๆร้อนๆ สังหรณ์เหมือนกับว่า...
สงครามระหว่างฟินแลนด์กับรัสเซียกำลังจะเกิดขึ้นและผมต้องอยู่ในสนามรบด้วย!..

ทำไม?..ไกด์ชำมะนาญ จะต้องทำทัวร์จอย ลูกทัวร์ฟินแลนด์กับรัสเซียด้วยว่ะ?..
ต้องนั่งรถไปด้วยกัน ต้องกินอาหารด้วยกัน ต้องนอนโรงแรมเดียวกัน
ต้องเดินป่าด้วยกัน และต้องทำกิจกรรมอีกมากมายด้วยกัน
สงสัยว่าไกด์จะต้อง ลาออกกลางทางแน่ๆ...

รัสเซีย 1 คน ก็เกินรับมือแล้ว นี่ตั้ง 4 คน และฟินแลนด์ 2 คนนั่น ก็เป็นแค่ผู้หญิงแก่ๆ
จะเป็นลมซะก่อนข้ามสะพานสารสิน ก็ไม่รู้ เฮ้อ..เวรแท้ๆ..

ผมไม่ได้รังเกียจชาวรัสเซีย แต่ผมหนักใจความเป็นรัสเซียชาตินิยมของพวกเขามากกว่า
เป็นที่รู้กันโดยทัวร์ไปถึงกิตติศัพท์ นิสัยประจำชาติและความร้ายกาจของชาวรัสเซีย
กับความเอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์ พูดเสียงดัง ข่มขู่ แสดงกิริยาป่าเถื่อน

ด้วยกิติศัพท์เหล่านี้ โรงแรมหลายแห่ง ภัตตาคารและร้านอาหารหลายที่
ไม่ต้อนรับพวกเขา ไม่ยอมให้เข้าพัก ไม่ยอมให้เข้าใช้บริการใดๆ 

บริษัททัวร์บางบริษัท ไม่รับลูกทัวร์ชาวรัสเซีย..
เพราะมีบ่อยๆที่ ลูกทัวร์ชาวรัสเซีย กลับมาขอเงินค่าทัวร์คืนทั้งหมด
ด้วยสาเหตุจากน้ำลงมาก เรือเข้าอ่าวปีเล๊ะ ที่เกาะพีพีเลไม่ได้
พวกเขาถือว่า บริการไม่ครบโปรแกรม เอากะมันสิ!..

ส่วนไกด์บางคน ยอมตกงาน ไม่ยอมออกทัวร์กับลูกทัวร์ชาวรัสเซีย
เพราะเคยโดนลูกทัวร์ชาวรัสเซีย ตะวาด ตะคอก ข่มขู่ จะทำร้ายไกด์ 

เคยมีไกด์ผู้หญิงตัวเล็กๆ โดนตะคอกจนจับไข้มาแล้ว
จากสาเหตุเล็กน้อย แค่..เขาหาห้องน้ำที่เกาะปันหยีไม่เจอ!..

เคยมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียรุมทำร้ายพนักงานโรงแรมจนหยอดน้ำเกลือมาแล้ว
และเคยมีพนักงานร้านอาหารสะกรัมนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียถึงกับต้องหามเหมือนกัน
และอีกสารพัดเรื่องราว ที่เป็นภาพด้านลบของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย

เรื่องการใช้จ่ายเงินทอง จะว่าเหนียวก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีเงินก็ไม่เชิง
แต่ผมเคยเห็น พวกเขาเข้าไปซื้อเบียร์จากร้านสะดวกซื้อ
ซื้อไก่ย่างจากรถพ่วงข้างขายส้มตำ
แล้วพากันไปตั้งวงดื่มกินกันที่ชายหาด เป็นที่สนุกสนานสำราญบานใจ

เรื่องการให้ทิปพนักงานบริการหรือ?...
อย่าหวัง เพราะเขาไม่มีธรรมเนียมการให้ทิป...

แต่ปัจจุบันนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเกิน 80 เปอร์เซ็น ในเกาะภูเก็ต
และกำลังเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ
จึงยากที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ขายบริการต่างๆให้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย..
ผมก็เช่นกัน ไม่มีโอกาสหลีกเลี่ยงในการทำทัวร์ทริปนี้
กับลูกทัวร์ชาวฟินแลนด์ 2 คนและรัสเซีย 4 คน

ผมทำได้อย่างเดียว คือทำใจว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด!...
----------------

หลังจากการรอ 15 นาทีผ่านไป รัสเซีย 4 คนจึงได้มาขึ้นรถ
จากการพูดคุย ในกลุ่มลูกทัวร์รัสเซีย มีผู้หญิงชื่อ Mrs.Savatar
พูดภาษาอังกฤษได้เพียงคนเดียว ส่วนอีก 3 คน ไม่รู้เรื่องเลย
Mrs.Savatar จึงต้องเป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษจากผมให้พรรคพวกของเธอ..

ผมแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักกับเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คน
และถามเธอว่า พวกเธอมาจากส่วนไหนของรัสเซีย?
เธอบอกว่ามาจากไซบีเรีย

สุดยอด..ฟินแลนด์ 2 คน ไซบีเรีย 4 คน ที่ต้องอยู่ด้วยกัน 2 วัน กับ 1 คืน
ได้สนุกกันละว่ะ ไกด์ชำมะนาญ....

ที่จุดชมวิวเขาสก ผู้หญิง 2 คนทางซ้ายมือคือลูกทัวร์ชาวฟินแลนด์
อีก 4 คน เขาหละจากไซบีเรียรัสเซีย ดูรูปร่างผู้ชายแต่ละคน ยังกะตึก
-------------------
เราข้ามสะพานสารสินมาไม่นาน..
ไอ้หนุ่มไซบีเรีย หัวล้านเถิก อายุไม่น่าจะเกิน40 เริ่มสำแดงฤทธิ์
บอกว่าจะเข้าห้องน้ำ โดยแหม่มSavatar แปลให้ผมฟัง
ผมบอกกลับไปว่า อีกประมาณ 15 นาที เราจะหยุดที่อนุสาวรีย์สึนามิ จะได้เข้าห้องน้ำ
เงียบไป...

15 นาทีต่อมา เรามาถึงอนุสาวรีย์สึนามิ ที่นั่นมีร้านอาหารและมีห้องน้ำไว้บริการครั้งล่ะ 20 บาท
แต่ เวรกรรมของนายชำมะนาญ..

เจ้ากรรม..วันนี้ร้านอาหารเสือกปิดและห้องน้ำก็ปิด ประตูใส่กุญแจแน่นหนา

ผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จูงมือไอ้หัวเถิก ไปที่กอต้นกล้วยหลังร้านอาหาร
มันทำหน้าสงสัยเมื่อไปถึงกอต้นกล้วย
ผมทำนิ้วชี้กระดกๆ ที่เป้ากางเกงให้มันดู โดยหันหน้าเข้าหากอต้นกล้วย
แล้วทำเสียง ปิ๊ดๆ ปิ๊ดๆ..
แบบบอกใบ้ว่า มึงเยี่ยวตรงนี้ได้

ไอ้หัวเถิก มองหน้าผมแบบไม่แน่ใจและพูดอะไรก็ไม่รู้
ผมพยักหน้าให้มันแบบยืนยันว่า เอาเลย..มึงปล่อยได้เต็มที่ เยี่ยวใส่นางตานีเลย!.

ไอ้หัวเถิก ขยับเข้าหากอต้นกล้วย เอามือจับขอบสะเอวกางเกงกีฬาขาสั้นที่มันใส่อยู่
ทำท่าจะรูดลง!..
ผมตาเหลือก..ลิ้นพัน.."เฮ้..เฮ้..มึงจะขี้เรอะ?"
"โนขี้..โนขี้..ที่นี่ ขี้ม้ายย..ด้ายยย.โว้ยย."

ไอ้หัวเถิกสะดุดกึก ขอบกางเกงหยุดแขวนอยู่ที่หัวเหน่าพอดี 
หน้ามันแดงเหมือนตูดลิงกัง มองผมตาปลิ้น พูดลิ้นรัวเสียงดัง..
แต่...ผมฟังไม่รู้เรื่อง!?

แหม่ม Savatar ได้ยินเสียงเหมือนผมกำลังจะถูกฆ่า รีบเดินเข้ามาสังเกตุการณ์
เมื่อเห็นท่าทางไอ้ลิงกังหัวเถิก เธอรัวลิ้นกับมันคนละประโยค
แล้วหันมาบอกกับผมว่า "มันจะขี้ ไม่ใช่เยี่ยว"
ผมพูดกับเธอว่า "ตอนนี้ ไอรู้แล้ว ช่วยบอกนายนั่นว่าอึดอีก 5 นาที จะพาไปขี้ที่ปั๊มน้ำมัน"
เธอส่งภาษากับไอ้ลิงกัง
นั่นแหละมันถึงได้เก็บจรวดมิตไซต์เข้าที่..

...ผมบอกให้ทุกคนรีบขึ้นรถ โดยที่ยังไม่มีใครได้ดูอนุสาวรีย์สึนามิ สักแว๊บเดียว

แหม่มฟินแลนด์ทั้ง2 คน ขึ้นไปนั่งบนรถ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้...

คนขวามือ เขาหละ คือไอ้หัวเถิกหน้าลิงจอมปัญหา ดูหน้าตาเพื่อนสิ น่าถีบมั๊ยหละ?.
 ที่หัวโต๊ะสาวน้อยร่างเล็กน่ารักคือเมียเพื่อนหละ ดูยังไงก็ไม่สมกันเลย
ซ้ายมือด้านในคือ Mrs.Savatar ซึ่งเธอช่วยผมคุมเกมส์ได้มาก
ส่วนซ้ายมือหัวโต๊ะคือสามีของเธอ คนนี้นิสัยพอคบได้
-------------------
หลังจากเพื่อนหน้าลิงของผม ขี้ที่ปั๊มน้ำมันเป็นที่สบายอารมณ์แล้ว
เราก็มุ่งหน้าเข้าเขาสก เพื่อนั่งช้างเดินป่า เป็นโปรแกรมต่อไป
ต่อจากนั้นก็เช็คอินที่รีสอร์ทและกินอาหารเที่ยง

ช่วงที่รถกำลังวิ่งเข้าเขาสก ก็เกิดปัญหาขึ้นอีกจนได้
เมื่อผมรู้สึกว่าอากาศในรถมันร้อนผิดปกติ..
ผมหันไปมองห้องผู้โดยสาร เห็นแหม่มฟินแลนด์ กำลังใช้กระดาษโบกพัดใส่ตัววุ่นวาย
และทำหน้ายุ่ง

ผมมองไปที่หน้าต่างตรงที่ไอ้เพื่อนหน้าลิงนั่ง
เห็นหน้าต่างช่องนั้น เปิดโล่ง ถึงว่าแอร์มันถึงไม่เย็น..
ไอ้หัวเถิก มันเปิดกระจกหน้าต่างรถ นั่งรับลม..

ผมจึงต้องขอร้องให้ แหม่ม Savatar ช่วยบอกไอ้เพื่อนให้ปิดหน้าต่างทีเถอะ
เพื่อเห็นแก่พระเจ้าของมัน...
-------------------

ที่รีสอร์ทตอนกินอาหารเที่ยง ผมแยกให้ 2 แหม่มฟินแลนด์ นั่งอีกโต๊ะ
และพวกไซบีเรีย นั่งอีกโต๊ะ
เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากไอ้หน้าลิง
และเข้าไปขอร้องในครัวให้จัดอาหารเป็น 2 ชุด

หลังจากกินอาหารเสร็จ
แหม่มSavatar กระซิบกับผมว่า วันนี้เป็นวันเกิดของสามี
ตอนหลังดินเน่อร์คืนนี้ให้ผมช่วยจัดหาเค็กและเที่ยนวันเกิดให้ด้วยจะได้หรือไม่?
ผมรับปากว่าได้ จะจัดให้ตามต้องการ
เธอขอบใจผมมากมายและขอให้ผมร่วมโต๊ะด้วย

--------------------
ชนแก้วกันเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ก่อนเริ่มดินเน่อร์
-----------------------
หนึ่งทุ่มตรงของค่ำวันนั้น ผมแยกโต๊ะและแยกอาหารให้ทั้งสองทีมเหมือนมื้อเที่ยง
หลังจากผมดูแลให้ 2 แหม่มฟินแลนด์ ได้กินอาหารแล้ว
ผมก็มาสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับโต๊ะเพื่อนไซบีเรีย
โดยมีวิสกี้ขวดใหญ่เป็นสื่อกลาง..

หลังจากวิ้สกี้ลงกระเพาะไปคนละหลายแก้ว ด้วยการพูดคุยสนทนาตามภาษาคอทองแดง
เริ่มมีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น มิตรภาพเริ่มงอกงาม
ความสัมพันธ์เริ่มกระชับแน่นแฟ้น
ผมหาจังหวะแทรกมุขต่างๆตามถนัด ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษามือ
ทุกคนชอบใจ ขอชนแก้วถี่ขึ้น

ไอ้เพื่อนหัวเถิกหน้าลิง ขอชกหมัดและพูดขอ Give me five กับผมตลอดเวลา
หัวเราะ ฮา ฮา..หน้าตาแดงเถือกเหมือนลูกมะอึก..

เมื่อเจ้าภาพเริ่มจุดเที่ยนวันเกิด วิสกี้พร่องไม่ถึงครึ่งขวด
ไกด์ชำมะนาญ ไปนั่งหัวโต๊ะแทนเจ้าภาพตอนไหนก็ไม่รู้?...อิ อิ..
----------------
กว่าจะจบดินเน่อร์ ผมถือโอกาส อบรมบ่มนิสัยเพื่อนรัสเซีย ถึงมารยาทสังคมโลก
โดยผ่านการแปลและเสริมเพิ่มเติมจาก Mrs.Savatar อีกแรง ทุกคนดูจะเข้าใจ
โดยเฉพาะไอ้หน้าลิง นั่งพยักหน้าหงึกๆ..แบบซาบซึ้งในรสพระธรรม..

แต่พอน้ำแข็งผสมเหล้าในถังหมด ผมลุกขึ้นกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ..
ไอ้หน้าลิง เอาด้วย ลุกขึ้นชูถังน้ำแข็งเปล่า แล้วเคาะกับที่หนีบ โป๊ง..โป๊ง.โป๊ง..
แม่งเอ้ยยย...กูนึกว่ามันรู้เรื่อง!...

หลังจากจบดินเน่อร์
เจ้าภาพเป่าเทียนวันเกิดดับหมดทุกเล่ม ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์เสร็จสิ้น
ชนแก้วหลายรอบ จับมือหลายครั้ง Givefive ถี่ๆ
ไกด์ก็ตาหรี่ คอตก...
เริ่มพูดภาษาอังกฤษสำเนียงทองแดง
และพูดภาษารัสเซียที่เจ้าของภาษาฟังไม่รู้เรื่องด้วย ฮ้า ฮ้า ฮ้า...
สนุกชิบหายเร้ยยย...
----------------------
สรุปว่าดินเน่อร์และเบิร์ทเดย์ผ่านไปด้วยดี ไม่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น
เจ้าภาพพอมึนๆ แต่ไกด์ชักเมา..
เราแยกย้ายกันเมื่อตอน 4 ทุ่ม
โดยนัดเจอกันเมื่อเวลาอาหารเช้า 7 โมงพรุ่งนี้.


ไกด์ชำมะนาญ บอกลูกทัวร์ให้ยกมือไหว้ ขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขา ก่อนจะเดินเข้าป่า
ถ้าพวกแกไม่ทำตาม..กูจะบอกเจ้าเขาให้หักคอหมดทุกคน!...
แม่ง...เชื่อเว้ย...ยืนเข้าแถว ยกมือไหว้ไกด์กันทุกคนเลย
สะใจจริงๆ ฮ้า..ฮ้า..ฮ้า...

ดูท่ายกมือไหว้ของตะละคนสิ อ่อนน้อม เชื่อถือศรัทธาเต็มที่
ยังกะฝึกมาตั้งแต่เกิด อิ อิ..

ยกเว้น..ไอ้หัวเถิกหน้าลิง ดูท่าทางมันยืนไหว้สิ!"
แม่ง..โคตรกวนตีน..
--------------------

วันรุ่งขึ้น หลังอาหารเช้าเวลา 8 โมงครึ่ง ผมพาลูกทัวร์ ออกจากรีสอร์ทที่พัก
ไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสก
เพื่อเริ่มต้นการทำทริปเดินป่า ระยะทางไป-กลับ 7 กิโลเมตร โดยประมาณ
------------------
เมื่อถึงจุดเริ่มต้นการเดินเข้าป่า ผมลงมือสร้างตะบะให้ตัวเอง เพื่อข่มลูกทัวร์..

โดยบอกกับลูกทัวร์ว่า ตามความเชื่อของคนเอเชียและคนไทยมาตั้งแต่โบราณ
เมื่อใครจะเดินทางเข้าไปในป่า จะต้องทำพิธีเปิดป่าและขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาก่อนทุกครั้ง
เพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้น
แหม่มฟินแลด์ ถามผมว่า พวกเขาจะต้องทำยังไงบ้าง?
ผมบอกว่า ให้ทุกคนทำถามที่ผมบอกก็แล้วกัน
ส่วนคำพูดที่เป็นคาถาอาคม ผมจะเป็นคนสวดเอง..

ไอ้หน้าลิง โล้งเล้งๆขึ้น เมื่อรู้ความหมายจากการแปลของแหม่มSavatar
ประมาณว่า มันไม่เชื่อว่าผมเป็นพ่อมดหมอผี
ผมชี้หน้ามัน แล้วบอกว่า เดี๋ยวกูจะเสกให้มึงเป็นลิง!..
มันจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้ แต่มันก็หยุดปากเงียบกริบ..อิ อิ..ได้ผลเกินคาด

ต่อจากนั้น ผมบอกให้ทุกคนยืนให้เรียบร้อย แล้วยกมือไหว้มาทางผม
(โดยผมทำตัวอย่างให้ดู)
แล้วผมก็เริ่มถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอจนได้ตามความต้องการ
จึงบอกให้พวกเขาเลิกไหว้และตามข้าพเจ้ามา..

แล้วพ่อมดชำมะนาญ ก็เดินนำหน้าหัวเราะคนเดียว สบายใจ..

โว้วววๆๆๆ..ไกด์คนไหน หลอกให้ลูกทัวร์ไหว้ เหมือนกูมั่งเว้ย...ฮ้า..ฮ้า..ฮ้า..

รัสเซียก็รัสเซียเถอะ ไม่เท่าไหร่หรอก!...

ที่น้ำตกบางหัวแรด ทุกคนพักผ่อนสบายๆ ก่อนเดินกลับ

ตลอดเส้นทางผ่านไปด้วยดี ทุกคนแฮปปี้มีความสุข จนกระทั่งจบทริปกลับถึงที่พัก
โดยไม่มีใครงอแงและออกนอกลู่นอกทาง
แม้แต่ไอ้หัวเถิกหน้าลิงจอมปัญหา

---------------------

ดูวีดีโอ


-------------------------

จบทริป "พ่อมดชำมะนาญเปิดป่าเขาสกกับลูกทัวร์ไซบีเรีย" ด้วยความแฮปปี้แอนด์ดิ้ง ไว้เพียงเท่านี้
พบกันใหม่เรื่องต่อไปครับ
ด้วยความจริงใจ จาก ชำนาญ ณ.อันดามัน

สวัสดี

--------------