วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ



 
ควายน้ำ ที่ทะเลน้อย
---------------------------------

        ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าจริงๆ ทั้งๆที่เพิ่งผ่าตัดตา มาได้ไม่กี่วัน ขี้ตายังเยิ้มอยู่เลย ต้องไป อ.ชะอวดกับพรรคพวกอีกรอบทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมา

        ไปรอบก่อนตอนขากลับยังเล่าเรื่องไม่หมดเลย ได้เล่าแค่ แวะ วัดถลุงทอง วัดเดียว ยังมีวัดธาตุน้อย,วัดบางเหียน อีก 2 วัด ไปรอบนี้ ยิ่งหนักเข้าไปอีก เช่น วัดดอนศาลา,วัดบ้านสวน,วัดเขาอ้อ,วัดถ้ำสุมะโน ดังๆทั้งนั้นและยังอุตสาห์ข้ามเขาบรรทัดไปจนถึง อ.กันตัง จ.ตรัง โน่น แล้ววนกลับมาทาง อ.ห้วยยอด ถึง อ.ชะอวด ได้รอบพอดี คือแบบว่า “วันเดียวเที่ยว 3 จังหวัด” นครฯ-พัทลุง-ตรัง เอากะผมสิ กลับมาถึงภูเก็ต วันรุ่งขึ้น พรรคพวกชวนลงเรือออกทะเล ไปลองเรือใหม่อีกวัน เล่าอีก 3 เดือน จะจบหรือเปล่ายังไม่รู้ ฮึ ฮึ...

         ถ้าชอบก็คอยติดตามกันต่อไป ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผมก็ยังเล่าไปเรื่อยๆ

เริ่มเรื่อง “ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ” กันเลย วันที่ 15 มิ.ย.53 เราออกเดินทางจากภูเก็ต เพื่อรับคนป่วยที่ อ.ชะอวดไปส่งที่โรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ในวันที่ 16 มิ.ย.53 ไปเช้า-เย็นกลับ ก็เป็นอันเสร็จภารกิจ

         ซึ่งความจริงภารกิจนี้เสร็จภายในวันเดียว แต่ พรรคพวกที่ไปด้วยกันยังต้องทำภารกิจ อย่างน้อยก็อีก 2 วัน ทีนี้จะนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่เดียวก็ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างผม ก็เลยชวนพรรคพวกไปเที่ยว “ทะเลน้อย” ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อ.ชะอวด มากนักและก็ไม่มีใครขัดคอ เพราะชอบเที่ยวกันทุกคน

       เช้าวันที่ 17 มิ.ย.ฝนตกปรอยๆ ท้องฟ้าปิด บรรยากาศไม่ดีเลย เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืน ว่าฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว จากการทำ “ฝนเทียม” เพื่อดับไฟที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่อย่างไร

        พวกเราออกจากบ้านที่พักประมาณ 7 โมงเศษ ภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝน ใช้ถนนสาย “บ้านท่าประจะ” ไปขึ้น สายเอเชีย(ทุ่งสง-หาดใหญ่) แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าสาย 4048 จาก อ.ควนขนุน-ทะเลน้อย ระยะทาง ประมาณ 18 กิโลเมตร ผ่านวัดดอนศาลา,วัดบ้านสวนและวัดเขาอ้อ อันโด่งดัง พวกเราตั้งใจว่าจะแวะตอนขากลับ แล้วผมจะเล่าให้อ่านที่บล็อก “ ชำนาญ ไปวัด ” คอยติดตามกันนะครับ

        “ทะเลน้อย” อันเป็นส่วนหนึ่งของ "ทะเลสาบสงขลา" ผมเคยมา กิน นอน หลายครั้ง เพราะมีหลานเขยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่นี่ คงไม่ต้องบรรยาย ว่าการมาของผมแต่ละครั้งจะสุขโขสโมสรขนาดไหน งึกๆ งักๆ กลับภูเก็ตทุกครั้งเชียวแหละ

         มาวันนี้ หลานสาวบอกว่า หลานเขย ไปปฏิบัติภารกิจดับไฟอยู่ที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ผมเสียความตั้งใจนิดเดียว ซึ่งก็ไม่ได้บอกให้พรรคพวกรู้ตั้งแต่ต้น จึงเสียความตั้งใจไม่มาก ความจริงตั้งใจว่าเมื่อมาถึงแล้วจะชวนพรรคพวก นอนซึมซับบรรยากาศที่ "ทะเลน้อย" ซักคืน กับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ไม่เลวที่เดียว

        หลังจากทักทาย พูดคุยกับหลานสาวพอเป็นพิธี ก็พาพรรคพวกเดินเข้าไปภายในเขตที่ทำการอุทยาน ในฐานะคนคุ้นเคยพื้นที่ ติดตามมาครับ ดูภาพภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝนประกอบไปด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------
จากลานจอดรถก็จะเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยวต่อจากนั้นก็เป็นจุกชมวิว
ด้านหลังศาลาชมวิวจะเป็นตำหนัก
-----------------------------------------



ภาพซ้ายจุดชมวิวและดูนกส่วนภาพขวาเป็นศาลาพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว
และเป็นท่าเรือที่จะไปท่องทะเลน้อย

----------------------






ซ้าย-ขวา เป็นที่ทำการอุทยานและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งห้องส่วนตัวและหมู่คณะ
ซึ่งผมมาตีลังกาหลายหน

----------------------------------------

กุ่มน้ำ งอกขึ้นมาจากในน้ำตามชื่อ ขึ้นอยู่ทั่วไปมีลูกแต่ไม่แน่ใจว่ากินได้หรือเปล่า เพราะไม่เคยลอง

----------------------------------------
พวกเราอยู่ภายในบริเวณอุทยานไม่นานนัก เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย ฝนพรำตลอดเวลา
จึงชวนกันออกมา เพื่อไปที่สะพานเอกชัย ที่อยู่ไม่ไกล เป็นสะพานเชื่อม ระหว่างฝั่ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุงกับ อ.ระโนด จ.สงขลา มีความยาวหลายกิโลเมตร


ถนนเฉลิมพระเกียรติ์ ๘๐ พรรษา(ชาวบ้านเรียกว่าสะพานเอกชัย)เป็นต้นทางของสะพานที่จะข้ามไป
อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งมองเห็นลิบๆ อยู่ทางทิศตะวันออก


--------------------------------------

จากบนสะพาน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกฝั่ง อ.ระโนด ด้านซ้ายมือเป็นทิศเหนือ ที่ขอบฟ้าสุดสายตาคือ "ป่าพรุควนเคร็ง" ที่ "ไฟของนายทุน "กำลังเผาผลาญบรรลัยวายวอด(ขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้อยู่ไฟยังไม่ดับ)เพื่อเอาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน

------------------------------------

ธรรมชาติที่บริสุทธิผุดผ่องและวิถีชีวิตชาวบ้านที่แสนงดงาม ในทะเลน้อยของทะเลสาบสงขลา
อยากไปอยู่ขนำ ที่มองเห็นไกลๆนั่นซักเดือนเพื่อสงบจิตใจ อาจจะปลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

-------------------------------------------

เมื่อจับ กุ้ง หอย ปู ปลา ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นได้แล้ว ก็เอาไปแปรรูปและนำมาวางขายที่เพิงริมถนนนั่นแหละให้นักท่องเที่ยว ได้ซื้อหา ในราคาไม่แพงเพื่อเป็นของฝากเพื่อนฝูงและญาติมิตรทางบ้าน
-------------------------------------------

จากหัวสะพานฝั่งอ.ระโนด มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นทิวเขาบรรทัดอันเป็นเทือกเขาเขตแดนกั้นระหว่าง จ.พัทลุงและ จ.ตรัง

-----------------------------------------
เกือบสองชั่วโมงบนสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลน้อย" แล้วพวกเราก็จากมา เพื่อไปยัง "วัดเขาอ้อ" อันเป็นสำนักตักศิลาร่ำเรียนวิชาของ "ขุนพันธุรักษ์ราชเดช" ผู้มีฉายา "มือปราบหนวดแดง" ที่ลือลั่นเมื่ออดีตไม่นานและเจ้าตำหรับผู้สร้าง "จตุคาม-รามเทพปี๓๐" อันลือชื่อ
ติดตามต่อไปครับท่านผู้ชม ที่บล็อก "ชำนาญ ไปวัด" โดย ชำนาญ ณ.อันดามัน

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ
-------------------------------------------------------------------------------


หมายเหตุ...สำหรับข้อมูลรายละเอียดต่างๆของ "ทะเลน้อยคลิกที่นี่ครับ"


--------------------------------------------------------------------------------


--------------------------------------------------------------------------------

พื้นที่แสดงความคิดเห็น


(กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ ขอบคุณ)
-------------------------------------

2 ความคิดเห็น:

  1. ตอบคุณน้องโกศล(ขี้โม้)
    แฮะ แฮะ ก็อย่างว่า อันว่าพระ พอแก่พรรษาเข้าหน่อย ก็ลื่นใหลไปได้เรื่อยๆ
    พูดก็พูดเถอะ ตอนเขียนหัวเรื่องนี้ ที่หน้าบล็อกเกือบเสียมวย เดชะบุญที่ตรวจทานทัน ไม่งั้น "ชำนาญ" เป็น "ชำนวย"แน่ๆ (พิมพ์ตกตัวไหนไม่ตก ดันพิมพ์ตกสระ อา)อย่าไปบอกใครเขาหล่ะ เล่าให้ฟังแล้วเก็บเป็นความลับด้วย
    เฮ้อ.หายคิดถึง

    ตอบลบ

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน