วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผ่าตัดตา ภาคสอง

-------------------------------------------------------------------------------------------

รอบนี้ผมหายไปหลายวัน รักษาตัวด้วย มีการเปลี่ยนแปลงที่เขียนด้วย จึงห่างหายจากท่านผู้ชมหลายเวลา หลังจากนี้ หวังว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น

ผมออกจากโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. พยายามเก็บเนื้อ เก็บตัว ปฏิบัติตัวตามคำสั่งของหมอ และตามคำขู่ของพยาบาล พยายามอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน จนเนื้อตัวซีดเป็นผีตองเหลืองเลย

ว่าจะไม่เล่าให้อ่าน เพราะครั้งก่อนก็เล่าไปแล้ว ซ้ำซาก มันก็น่าเบื่อ เหมือนดูหนังเก่า จริงแม๊ะ?

แต่ มัน ตะงิดๆ ในหัวใจยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับหนังมันจบไม่บริบูรณ์ ก็เลยตัดสินใจสร้างภาคสอง มาให้ชมกันอีก เพื่อให้จบแบบผู้สร้างสบายใจ ส่วนท่านผู้ชม จะรู้สึกยังไงก็เรื่องของท่าน (แนะพูดหัวหมอ ยังกะมีเอกสิทธิ์ สส.คุ้มครอง เหมือนใครบางคน) แฮะ แฮะ ว่าจะไม่แล้วเชียว!

เอ้า ต่อจากภาคที่แล้ว หมอนัดไปพบที่ รพ.ตอนบ่ายโมงของ วันที่ 19 พ.ค. หลังจากที่หมอ ส่องตาซ้าย-ขวาเสร็จ ก็ให้ไปยื่นเอกสารเป็นผู้ป่วยใน และรับยาจากห้องยาเรียบร้อย ต่อจากนั้นก็เดินคลำๆไปตึกศัลยกรรมหญิง ซึ่งก็ไปไม่ยากเพราะเคยไปมาแล้ว ขึ้นไปชั้นสอง ตรงไปที่ห้องพักพยาบาล เจอพยาบาลคนเดิม(ใจดี)เมื่อภาคแรก



ที่ชั้นสอง ตึกศัลยกรรมหญิง รพ.วชิระภูเก็ต
--------------------------------------------

เธอทักทาย "ลุงชำนาญ มาอีกแล้วเหรอ?"

ผมตอบ"ครับ หมอนัดมาเอาอีกข้างออก"

เธอพูดต่อว่า "ลุง จะนอนที่นี่หรือกลับไปนอนบ้านแล้วค่อยมาพรุ่งนี้เช้า?"

"ถ้ามาพรุ่งนี้ คงได้นอนเตียงเสริมหน้าห้องน้ำอีก ขอนอนนี่จองเตียงใว้ดีกว่า" ผมต่อรอง เพราะผมจองห้องพิเศษ เขาไม่มีให้ ตั้งแต่ภาคที่แล้ว


เตียงซ้ายมือนั่นแหละครับ คือเตียง วีไอพี ที่ผมนอนเมื่อภาคแรก
------------------------------------------------------

"ลุงกลับไปนอนบ้านเถอะ เดี๋ยวหนูจะล็อคเตียง 26 ที่ริมหน้าต่างไว้ให้" เธอใจดีกับผมจริงๆ

แล้วเธอก็ให้ผมเข้าไปในห้องพักพยาบาล วัดความดัน และจัดการตัดขนตาของผมเรียบวุธ แล้วก็บอกให้ผมกลับบ้าน

"เตียง26 แน่น่ะ" ผมย้ำอีก

เธอบอก "รับรองน่าลุง"

แล้วผมก็เดิน ฮัมเพลง "ให้ลุงก่อน ลุงแก่แล้ว" กลับบ้านด้วยความครึ้มใจ!


หน้าห้องพักพยาบาล
-----------------------------------------------

7 โมงเช้าเป๊ะ ของวันที่ 20 พ.ค. ผมมาถึงหน้าห้องพักพยาบาล ไม่เจอเธอผู้ใจดี(เธอคงไม่ได้เข้าเวรเช้านี้)ผมใจหายวาบและขนลุกเกรียวเลยครับ ท่านผู้ชม

เพราะผมเจอเธออีกคน ที่เคยจัดให้ผมนอนหน้าห้องน้ำ เมื่อภาคแรก และหน้าตาของเธอในเช้าวันนี้ เหมือนกับทะเลาะกับลูกชายอายุ 16 ปี ของเธอก่อนออกมาจากบ้าน อาจจะเกิดจากปัญหาขอเงินไปเที่ยว หรือพ่อของไอ้เจ้าลูกชาย ยังไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน หรืออาจจะร้ายแรงกว่านั้น(ที่ผมนึกไม่ออก) เพราะหน้าตาและสำเนียงของเธอที่พูดกับผม บ่งบอก..


ห้องรวม เตียง39 อยู่สุดมุมขวามือ
---------------------------------------------

"คุณชำนาญ ใช่ไหม?, มาคนเดียวอีกแล้วซิ,เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปนอนรอที่เตียง39" ฮือๆๆๆ ผมร้องไห้แบบไม่กล้าออกเสียง

แต่ยังแข็งใจพูดออกไปเสียงอ่อยๆ "เมื่อวานเขาจองไว้ไห้ผมที่เตียง26ครับ"

"ใครจัดให้ ไม่รู้เรื่อง เตียง26 เขาไว้ให้ผู้ป่วยเด็ก" ผมแอบมองไป ไม่เห็นเด็กป่วยซักคน

"อย่าเรื่องมาก เตียง39 นั่นแหล่ะดีแล้ว ประเดี๋ยวจะเรียกมาหยอดยาขยายม่านตา แล้วไปห้องผ่าตัด วันนี้คิวแรกน่ะ"



เตียง 39 หัวเตียงชนกัน ที่เห็นพยาบาลก้มๆเงยๆอยู่นั่น โคม่าครับ
--------------------------------------------------------

ก็ยังดีที่ได้คิวแรกและไม่ต้องนอนฟังมโหรีปี่พาทย์ที่หน้าห้องน้ำ ยังไง ยังไง ผมก็ต้องทำใจ

ประมาณ เก้าโมงครึ่ง ได้ยินเสียงเรียกชื่อผม เพื่อไปขึ้นรถ วีไอพี (วีลแชร์) เพื่อเดินทางไปห้องผ่าตัด ซึ่งอยู่ที่ชั้น5 ของตึกอีกหลัง

ก็เหมือนครั้งแรก นอนรอฟังเสียงเขาคุยกัน และมีคนมาถามชื่อ นามสกุล ซ้ำๆกันหลายครั้ง จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเขียง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนปกติ คุณหมอเตรียมอุปกรณ์การผ่าตัดเรียบร้อย ปิดหน้า ปิดตาผมเสร็จ กำลังจะลงมือ

ผมได้ยินเสียงคุณหมอร้อง เอ๊ะ แล้วถามผมว่า “คุณชื่ออะไรค่ะ?”

ผมตอบออกมาจากใต้ผ้าปิดหน้าว่า “ชำนาญครับ”

ได้ยินเสียงคุณหมอ พูดเชิงบ่น ให้ผมได้ยิน “เขาเขียนภาษาอะไรของเขา”

ต่อจากนั้นก็ลงมือคว้านลูกนัยน์ตาผมตามขั้นตอน จนเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนหมอ

กระทั่งกลับมาถึงตึกพักฟื้น ผมจึงหายสงสัยว่าทำไม คุณหมอถึงบ่นเรื่องภาษา

เมื่อผมสังเกตุเห็น ตัวหนังสือที่เขียนติดอยู่บนป้ายข้อมือผม อย่าว่าแต่คุณหมอเลย ผมเองก็ยังอ่านไม่ออก ว่ามันเป็นภาษาอะไร?


ท่านผู้ชมคิดว่าเธอน่าจะมีอาชีพเขียนการ์ตูนมากกว่ามั๊ย?
-------------------------------------------------------

ตัวหนังสือแบบนี้ ลวดลายแบบนี้ ไม่น่ามาเรียนวิชาพยาบาลเลย ผับผ่า! ควรจะไปเรียนเพาะช่าง จะเหมาะกว่าเป็นไหนๆ

ผ่าตัดวันนี้ พอหมดจากฤทธิ์ยาชา ผมรู้สึกปวดมากจนต้องขอยาแก้ปวดจากคุณพยาบาล มากินจนหลับไปได้ มาตื่นอีกที เกือบ 6 โมงเย็น รู้สึกหิวมากเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า อ้ายเจ้าลูกชายก็ยังไม่เข้ามา คงเลิกงานช้า

ผมจึงลุกจากเตียง เดินไปถามพยาบาลว่า ทางโรงพยาบาลมีอาหารเย็นให้คนป่วยหรือไม่?

พยาบาล บอกว่า “มีเขานำมาแจกให้ตั้งแต่ 5 โมงเย็น” ผมบอกว่า “ทำไมผมจึงไม่ได้”

พยาบาลร้อง “อ้าว หนูก็ไม่ทราบ แล้วลุงไม่มีญาติหรือ?”

ผมบอกว่า “มี แต่เขายังไม่เข้ามา” “หรือว่าผมหลับเขาจึงไม่ให้” ผมพูดต่อ

“ถึงลุงนอนหลับเขาก็ให้” เธอยืนยัน ผมเชื่ออย่างเธอว่า

แต่อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนมื้อเที่ยงหลังจากที่ผมกลับมาจากห้องผ่าตัด เขานำอาหารมาแจก แต่ไม่มีช้อนมาให้ด้วย ผมจึงท้วงขึ้นว่า “ไม่มีช้อนแล้วผมจะกินยังไง”

ไอ้เจ้านั่นพูดว่า “ต้องเอามาเองจากบ้าน ที่นี่ไม่มีให้หรอก”

ผมจึงบอกว่า”ถ้างั้นก็เอากลับไปเถอะ”

ผมคิดว่า อาจจะเป็นสาเหตุนี้ก็ได้ ที่(มัน)ไม่ให้อาหารมื้อเย็นกับผม

ลูกชายเข้ามาเกือบ 2ทุ่ม ผมจึงได้กินข้าว

เช้าวันที่ 21 พ.ค.มีเข้าต้มพร้อมช้อนมาให้ผม แต่ผมไม่กล้ากินกลัวโดนยาตาย


นี่แหละครับ ข้าวต้มสำหรับคนเรื่องมากอย่างผม
----------------------------------------------------

ผมยอมลงไปกินกาแฟกับโดนัทที่หน้าตึก พอประทังหิว จนกระทั่งไปพบหมออีกครั้ง แล้วหมอก็อนุญาต ให้กลับบ้านได้

ลูกชายมารับผมประมาณ 11 โมงเช้า ก่อนกลับผมแอบถ่ายรูปหลายรูป และไม่พูดขอบคุณใครสักคน

ภาคแรกยังพอทนได้ จึงได้เล่าให้ฟังแต่เรื่องดีๆ

แต่ มาภาคนี้เหลือทน เพราะเจอแต่ตัวร้ายๆ จึงยำเสียให้เละเลย

ให้รู้มั่งว่า ไผเป็นไผ....

จบบริบูรณ์

---------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน