วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ลากทูน่าที่รายาใหญ่


ลูกทัวร์(คนซ้ายมือ) ไต๋เอก(คนขวามือ)กับทูน่าหูยาว
---------------------------------------------

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.53 ประมาณ 9 โมงเช้า “ไต๋เอกผมยาว” โทรมาหาผม
บอกว่า “วันนี้ มีทริปตกปลาที่เกาะรายา จะไปถ่ายรูปและเก็บเรื่องมาเขียนด้วยหรือไม่?”

เหตุผลที่ ไต๋เอก ได้ชวนผมไปด้วย เพราะต้องการให้ผมไปเก็บภาพและถ่ายคลิปวีดีโอ เพื่อนำมาเขียนเรื่องราวโปรโมทเว็บบล็อก ชื่อ “ตกปลาอันดามันกับไต๋เอกผมยาว”  ครับท่านผู้ชม

ผมถามกลับไปว่า “จะไปตอนกี่โมง?”

ไต๋เอก ตอบว่า “ประมาณ ช่วงบ่ายๆ ตอนนี้กำลังลงน้ำจืดน้ำมันเชื้อเพลิงและเสบียง”

แล้วบอกต่อว่า “ไปคืนเดียว กลับพรุ่งนี้ ตอนเช้า”

คิดสาระตะเสร็จแบบง่ายๆ(ตามประสาคนใจง่ายแบบผม)แล้วตอบกับไต๋เอก ไปว่า “ไปก็ไป แล้วเที่ยงๆพบกันที่เรือ” แล้วผมก็กดวางสาย ตกลงกันง่ายๆแค่นั้น

เมื่อเช้า ผมดูข่าวพยากรณ์อากาศ จากกรมอุตุฯเตือนอยู่ว่า วันที่ 8-9-10 นี้ พายุฝนในทะเล “อันดามัน” มีกำลังรุนแรงขึ้น คลื่นในทะเลสูงประมาณ 3 ถึง 4 เมตร “เรือใหญ่ควรงดออกจากฝั่ง เรือเล็กให้ระมัดระวัง” เอ๊ะ..ไม่ใช่ ขออภัย..แฮะ แฮะ..

เขาเตือนว่า..”เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง เรือใหญ่ให้ระมัดระวัง” แหม กลับของเขาเสียหายหมด

แล้วมาคิดสงสัยอยู่ว่า ใครทะลึ่งคิดออกไปตกปลาช่วง วัน สองวันนี้ แล้วไต๋เอกก็ช่างรับจ๊อบเข้าไปได้ยังไง

แต่ก็มาคิดอีกทีว่า คงไม่เป็นไรหรอกน่า เรือ ช.ชารีฎา ลำออกเบ่อเร่อเบ่อร่า และไต๋เอก ก็มีฝีไม้ลายมือไม่ใช่ย่อย แล้วก็ออกไปแค่เกาะรายา ใกล้ๆแค่นี้ ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง อีกอย่างทะเลแถวนี้เรือเยอะแยะ ผิดท่ายังไง ลอยคอไม่นาน ก็ต้องมีคนมาช่วย ถ้าไม่ซวยจมน้ำหายไปซ่ะก่อน

และแล้ว เกือบบ่ายโมง ผมก็มาถึง ท่าที่เรือ ช.ชารีฎา เทียบอยู่ ซึ่งติดกับ ท่าเทียบเรือรัษฎา อันเป็นท่าเทียบเรือหลักของภูเก็ต สำหรับเรือทัวร์ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวไปเกาะพีพี อ่าวนาง เกาะลันตาและเกาะอื่นๆ ในบริเวณอ่าวพังงา

ลูกทัวร์บางส่วน
-----------------------

เมื่อผมลงมาในเรือ ก็เห็นคนอื่นๆและลูกทัวร์นั่งอยู่แล้ว ผมทักทายกับลูกทัวร์เหล่านั้น ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มๆ สาวๆ ทุกคน พวกเขาก็ทักทายตอบผม(แบบ งงๆ ว่าอีตาลุงนี่เป็นใครแล้วมาทำอะไร ประมาณนั้น) ผมเดินเลยไปทักทายกับไต๋เอก, น้องดำ(ช่างเครื่อง), หลานแข้ง(คนประจำเรือ) และเจ้าชิโร(หมาพันธ์ชิสุของไต๋เอก) แบบว่าคนกันเองรู้จักกันดี และถือโอกาสถาม ไต๋เอก ว่าลูกทัวร์ ทริป นี้มาจากไหน ถึงได้กล้าหาญชาญชัย จะออกไปตกปลาหน้าลม หน้าฝนแบบนี้

ไต๋เอก บอกผมว่า เป็นพรรคพวกกันอยู่ในภูเก็ตนี่แหละ บางคนก็เคยใช้บริการมาแล้ว ขัดเขาไม่ได้จึงต้องรับจ๊อบนี้

ถึงว่า ผมคิด..ถ้าเป็นคนจังหวัดอื่น คงไม่ดันทุรังออกไปเสี่ยงกับคลื่น 3-4 เมตรเป็นแน่

ผมถามไต๋เอกว่า “ลูกทัวร์มีกี่คน” เพราะเท่าที่ผมเห็นตรงบริเวณที่นั่งบนดาดฟ้าหัวเรือเมื่อตอนผมลงมาเห็นมีอยู่ 6 คน ไต๋เอกตอบว่า “ทั้งผู้หญิง ผู้ชายก็ 8 คน ยังรออีก 3 คนกำลังมา”

ผมรวมคร่าวๆเป็นอันว่า ทริป นี้ลูกทัวร์เป็นผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 6 คนรวมเป็น 8 คน ส่วนคนเรือ 3 รวมทั้งผมเป็น 4 คน เจ้าชิโร่(หมาของไต๋เอก)อีกตัว ทั้งหมดเป็น 12 คนกับอีก 1ตัว ก็ไม่มาก ไม่น้อย สำหรับเรือ ช.ชารีฎา ที่มีความกว้าง 5.80 เมตร และยาวถึง 21 เมตร

เจ้าชิโร่(หมาไม่เมาคลื่น)
--------------------------

ประมาณบ่ายโมงเศษ เกือบบ่ายสอง ทุกอย่างพร้อมได้ฤกษ์ เรือ ช.ชารีฎา ก็ปลดเชือก เบนหัวออกจากท่า มุ่งหน้าออกสู่ปากร่องน้ำภูเก็ต “หมายเกาะรายาใหญ่ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต ด้วยทัศน์วิสัยแจ่มจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส กระแสลมไม่แรงมากนัก แดดร้อนเปรี้ยง ไม่มีเค้าลาง ของพายุฝนให้เห็นตามที่กรมอุตุฯพยากรณ์แม้แต่นิดเดียว ผมภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้อากาศแบบนี้จนถึงปรุ่งนี้เถอะ ลูกทัวร์ทริปนี้จะได้ไม่ต้องทรมานกับการเมาคลื่น

ลูกทัวร์ทั้งหมดออกมาอยู่บนดาดฟ้าหน้าห้องถือท้าย บ้างก็จับกลุ่มคุยโม้เรื่องตกปลา บ้างก็หามุมกล้องเพื่อถ่ายรูปให้กัน ทุกคนดูมีความสุขและมีความหวังเป็นอย่างมากกับการตกปลา เพราะเชื่อในฝีมือของตัวเองและเชื่อในฝีมือการหา “หมาย”ของ ไต๋เอก

ไต๋เอก ถือท้ายเรือใช้ความเร็วปานกลาง แล่นผ่านเกาะตะเภาน้อย เกาะตะเภาใหญ่ ผ่านท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต ผ่านเรือสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน หลายลำที่ทิ้งสมอรอเทียบท่าอยู่บริเวณ ร่องน้ำลึก แล้วจึงเร่งความเร็วเต็มที่

จนกระทั่งพอผ่าน อ่าวฉลอง มาไม่นาน เริ่มมองเห็น เกาะรายาใหญ่ อยู่ข้างหน้า กระแสลมเริ่มแรงขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมชะโงกหน้าออกจากห้องถือท้าย มองไปทางตะวันตกตามทิศทางของกระแสลมที่พัดแรงมาเรื่อยๆ เมฆฝนก้อนมหึมา ดำทะมึน กำลังเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วตามทิศทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป

มันเกิดขึ้นตอนไหน ยังไง ก็ไม่รู้ จู่ๆก็โผล่มาแล้ว นี่แหละ ฟ้าฝน อันดามัน มาเร็ว ไปเร็ว

ลมแรงขึ้น คลื่นสูงขึ้น ตามลำดับและไม่กี่อึดใจฝนก็ตามมาอย่างหนักพร้อมกับคลื่นลูกเท่าตึก ลูกทัวร์วิ่งเข้าหาที่หลบฝนกันอลหม่าน

ตะลุยฝ่าดงคลื่น
---------------------------



ไต๋เอก เริ่มชะลอเครื่องยนต์ แล่นฟันคลื่นไปช้าๆ เจอเข้าบางลูกยกหัวเรือลอยขึ้นไป ไม่ต่ำกว่า 5 เมตร แล้วก็ฟาดลงมากระแทกกับคลื่นลูกต่อไปที่หนุนเข้ามา จนน้ำแตกกระจายกระเสนขึ้นมาบนลำเรือปนกับน้ำฝนที่ตกอย่างหนักอยู่แล้ว จนมองอะไรไม่เห็น ทัศน์วิสัยมืดมัวไปหมด

ประมาณ 20 นาที เมฆฝนก้อนนั้นจึงผ่านไปเหลือเพียงม่านฝนพรำๆ แต่คลื่นลมยังหนักหน่วงเหมือนเดิมและดูทีท่าว่าจะหนักกว่าเดิม เพราะเรือแล่นออกมากลางร่องน้ำระหว่างเกาะภูเก็ตกับเกาะรายาใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรมาบังกระแสลมไว้ จึงหอบเอาคลื่นลูกใหญ่ๆ เข้ามาตลอดเวลา

ผมเริ่มได้ยินเสียงโฮกๆ จึงชะโงกออกไปดูข้างกราบเรือ เห็นลูกทัวร์ผู้หญิง 2 คน ยืนเข้าแถวเกาะแคมเรือ กำลังแข่งกันคำรามขู่ตะคอกทะเลเป็นการใหญ่ ส่วนลูกทัวร์ผู้ชายบางคน เริ่มจะหน้าซีด ปากขาวกันบ้างแล้วเหมือนกัน

ผมทั้งสงสาร ทั้งเวทนา แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่แนะนำให้หายใจลึกๆ และมองออกไปไกลๆ แม่คุณพยักหน้าเขียวๆเป็นเชิงว่าเข้าใจและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ทันทีนั้นก็คำรามโฮก ใส่ผมแบบยั้งไม่อยู่ ดีว่าผมหลบทัน ไม่ยังงั้นแย่แน่ๆ เพราะผมใส่เสื้อผ้าไปชุดเดียว

พอแม่คุณทั้งสอง คำรามตะคอกทะเล จนน้ำเขียวๆในท้องออกมาหมด เหลือน้ำใสๆออกมานิดหน่อย ก็มืออ่อน ตีนอ่อน คิดว่าน่าจะม้วนนอนในกระด้งได้แบบมโนราห์ คนที่ยังพอมีแรงจึงได้ช่วยกันพยุงไปที่นอน

พอสองสาวคล้อยหลังเท่านั้น อีกสองหนุ่มที่สองมุม ก็ลงมือปฏิบัติการคำรามขู่ทะเลเป็นลำดับต่อไป(อยากจะถ่ายคลิปมาให้ดูเหมือนกันแต่ก็สงสารพวกเขา) เพื่อน 2 คนช่วยกันตักน้ำจืด จากในถังส่งให้บ้วนปากและล้างกราบเรือ ส่วนลูกเรือ "แข้ง" นอนหลบเงียบอยู่ในที่นอน ผู้หญิงอีกคน ซึ่งอายุมากกว่าใคร หลบขึ้นไปนั่งหน้าขาว ดมยาดม อยู่บนห้องถือท้ายข้างๆ ไต๋เอก ผมยังนึกชมว่าผู้หญิงคนนี้อึดน่าดู

เฮ้อ...มาทรมานกันแท้ๆ นอนอยู่ที่บ้านสบายๆ ไม่ชอบ

ไต๋เอก ตะโกนถามคนที่ยังพอมีแรงว่า จะกลับบ้านหรือจะไปต่อ เขาตะโกนตอบมาจากท้ายเรือว่า ไปต่อ

ขณะนั้นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น เรือกำลังแล่นอยู่กลางร่องน้ำระหว่างเกาะภูเก็ต ใกล้กับเกาะรายาใหญ่ ไต๋เอก บอกว่าเป็นตำแหน่งนี้ มีปลา ทูน่าหลังดำ   กับ ทูน่าหูยาว ซึงเป็นทูน่าขนาดเล็ก ชุกชุมมาก คลื่นแรงและน้ำเชี่ยวแบบนี้ ปลาทูน่า จะกินเบ็ดดี ต่อจากนั้นก็บอกให้ ช่างดำ เตรียมลงเบ็ด

ไม่เกิน 10 นาที่ ช่างดำ เริ่มปล่อยสายเบ็ดลงน้ำ พร้อมกันทีเดียว 2 สาย โดยมีลูกทัวร์ 3 คน(ที่ยังไม่ขู่ทะเล)เป็นผู้ช่วย ส่วนผมเตรียมกล้อง สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ เพื่อเก็บภาพเด็ดๆมาฝากท่านผู้ชม

เรือลากสายเบ็ดฟันคลื่นไปไม่นาน ทูน่า ก็เริ่มกินจริงๆ

ลาก ทูน่า
------------------

จนกระทั่ง เรือฟันคลื่นลากเบ็ด มาถึงหลังเกาะรายาใหญ่ จึงได้เก็บเบ็ด ปรากฏว่า ได้ทูน่าหลังดำและหูยาวมา 18 ตัวไม่นับที่หลุดไปหลายตัว แต่ละตัวน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลฯ ก็นับว่าไม่เลว
5 โมงเศษ ไต๋เอก บังคับเรือแล่นเอื่อยๆ ผ่านเรือหลากหลายประเภท ที่ทิ้งสมอหลบคลื่น หลบลมอยู่หลังเกาะรายา จนพ้นเกาะรายามาอยู่กลางร่องน้ำ ระหว่างเกาะรายาใหญ่กับเกาะรายาน้อย จึงเริ่มหา “หมาย” สำหรับตกปลาประเภท ปลาเก๋า ปลากะพง ปลาหัวเสี้ยม ปลามงหรือปลาหน้าดินอื่นๆ

วนเรืออยู่ไม่นาน หน้าจอ Sounder ก็โชว์ “เชื้อปลา” ที่ระดับน้ำลึกประมาณ 55-57 เมตร

วนหาตำแหน่งทิ้งสมอ
----------------------------



ไต๋เอก บอกให้ ช่างดำ ทิ้งสมอ ปล่อยสายสมอ ยาวประมาณ 300 เมตร ปรากฏว่าสมอกาว เพราะคลื่นแรงและน้ำเชี่ยว ทำให้เรือเดินผ่าน “หมาย” ที่มี “เชื้อปลา” ไปไกล

ไต๋เอก สั่งกว้านสมอขึ้นมา วนหา “เชื้อปลา”อีกรอบ แล้วทิ้งสมอเป็นครั้งที่สอง

แต่ครั้งที่สอง สมอกาวอีก กว้านขึ้นมาใหม่ วนหาที่ทิ้งสมอเป็นครั้งที่สาม ขณะนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกที ลมแรง คลื่นสูงประมาณ 3-4 เมตร บางครั้งก็มาสามเส้า ลูกทัวร์ ที่เหลือ 3 คนเริ่มคำรามขู่ทะเล บ้างแล้ว
จนกระทั่งครั้งที่สามจึงประสพความสำเร็จ สมอยึดติดพื้นผิวทะเล ท้องฟ้ามืดสนิทพอดี ช่างดำ ผูกเชือกสมอเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงลงไปห้องเครื่อง สตาร์ทเครื่องยนต์ปั่นไฟ ไต๋เอก ดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดไฟเรือสว่างจ้าไปทั้งท้องทะเลรอบๆลำเรือ

และ ณ.บัดนั้น คุณผู้หญิงที่ยังเหลืออีกคน ก็หมดแรงอึดเมื่อเรือโต้คลื่นอยู่กับที่ เธอตะลีตะลานลงมาจากห้องถือท้าย ไม่ทันถึงกราบเรือ เธอก็คำรามใส่ทะเลทันที เฮ้อ..ผมอุตสาห์นึกชื่นชมอยู่ในใจว่าเธอเก่ง

สุดท้ายไปหมดทุกคน แม้กระทั่ง “แข้ง”คนประจำเรือก็ยอมแพ้นอนซม จึงเหลือเพียง 3 คนกับหนึ่งตัว คือไต๋เอก,ช่างดำ,ผมและเจ้าชิโร่หมาพันธ์ชิสุตัวนั้น ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเมาคลื่นหรือไม่ แต่เห็นมันเที่ยววิ่งตาม ไต๋เอก ตัวเปียกม่อลอกม่อแลกรอบๆลำเรือ ไม่ปรากฏว่ามันจะขู่คำรามหรือจะเห่าสักแว็ก ใส่ทะเลก็ไม่ได้ยิน

ไต๋เอกกับช่างดำ เริ่มเตรียมเบ็ดและเหยื่อสำหรับตกปลาน้ำลึก ส่วนผมก็นั่งเฝ้าอยู่ท้ายเรือ ดูพวกเขาทำงานเอวเคล็ด หัวคลอนอยู่ตรงนั้น(เพราะ ชำนาญ ณ.อันดามัน ตกปลาไม่เป็นกับเขาหรอก ไม่เมาคลื่นก็บุญวาสนาแล้ว ฮ้า..ฮ้า.) ท้องก็ร้องครวญครางเพราะความหิว ไต๋เอกคงจะพอรู้ จึงบอกให้ผมไปเอามาม่า ที่ห้องถือท้ายมารองท้องเสียก่อน ผมไม่ยอมเสียเวลา รีบไปเอามาเปิดซองแล้วล่อมันทั้งดิบๆ ยังงั้น

ช่างดำ พูดกับผมว่า “ลูกพี่ทนหิวหน่อยนะ ขอตกกะพงแดงมาแกงส้มสักตัวก่อน แล้วค่อยกินข้าว” บ๊ะ แล้วถ้ามึงตกไม่ได้ กูมิต้องอดข้าวทั้งคืนเรอะ ผมได้แค่คิดเท่านั้นแหละครับท่านผู้ชม ขืนพูดออกไป มันจะได้จับโยนทะเลสิ ตัวมันยังกะหมีควายอยู่ด้วย

แล้วไม่นาน ตัวแรกเป็นผลงานของ ช่างดำ ก็เอาขึ้นมาบนเรือจนได้ โดยมี ไต๋เอก ช่วยอีกแรง

ช่างดำกับไต๋เอกช่วยกันเอาตัวแรกขึ้นเรือ
------------------------------



-----------------

------------------
ตัวแรก หลังจากที่ทิ้งสมอเป็นครั้งที่3
---------------------------

ต่อจากนั้น ช่างดำ ก็ลาก ปลามง ขนาดพอแกงส้มเลี้ยงคนได้ทั้ง 12 คนบนเรือ ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย ยังไงคืนนี้ก็ไม่ต้องกินมาม่าอย่างเดียวแล้ว

ช่างดำ ลงมือขอดเกล็ด มง ตัวนั้นเพื่อแกงส้ม ปล่อยให้ไต๋เอก ตกคนเดียวไปพลางๆ และผมนั่งลุ้น

สักพักใหญ่ๆ เมื่อคลื่นซ้อนมาสามลูกจนน้ำขึ้นถึงท้ายเรือที่ยืนตกปลา ผมได้ยินเสียงครืดๆ หนักๆ “เสร็จ สมอกาวอีกแล้ว ปลากำลังเริ่มกินพอดี” ไต๋เอก บ่นอย่างหัวเสีย แล้วกะโกนบอกดำที่กำลังแกงส้มส่งกลิ่นหอมฉุย “ดำ ถอนหมอ ย้ายไปหลังเกาะ” พร้อมกับรีบเก็บสายเบ็ดไปพลาง

ช่างดำ ทิ้งหม้อแกงส้ม เดินไปหัวเรือเพื่อดึงเชือกสมอเข้าเครื่องกว้าน ส่วนผมไปหัวเรือเช่นกันเพื่อช่วยเก็บเชือกสมอ ซึ่งยาว 300 เมตรต่อจากช่างดำ ค่อยๆทะยอยหย่อนลงห้องเก็บเชือก

ไต๋เอก สตาร์ทเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง เริ่มกว้านสมอ ประมาณ 10 นาที จึงเอาสมอขึ้นเรือได้ ค่อนข้างยากเพราะคลื่นแรงมาก แล้วไต๋เอก ก็นำเรือไปยัง หลังเกาะรายา เวลาขณะนั้นประมาณ สี่ทุ่ม

ห่างจากเกาะรายา ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5 ไมล์ ไต๋เอก สั่งให้ทิ้งสมออีกครั้ง คลื่นลมเบาบางกว่าจุดแรกเล็กน้อย รอบๆเรือเรา สว่างไสวพราวไปทั้งท้องทะเล จากไฟของเรือปั่นไฟล่อปลา ไม่ต่ำกว่า 30 ลำ เหมือนมีงานสวนสนุก

เรือปั่นไฟ ล่อปลา ลำที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด
-------------------------
ทิ้งสมอเสร็จ แกงส้มเสร็จ ข้าวสุกพอดี ช่างดำ เรียกทุกคน ให้มากินข้าว หลายคนพยายามตะกายกันมาที่ห้องครัวท้ายเรือด้วยความทุลักทุเล แต่ละคนหน้าขาวซีด ปากเขียวไม่มีสีเลือด

ช่างดำ ตักข้าวใส่จาน ให้คนละเล็กน้อย เพราะรู้ว่าไม่มีใครกินได้แน่ แต่ก็บอกให้ทุกคนพยายามกิน ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ทุกคนก็พยายามกันอย่างเต็มที่ เพราะความหิว แต่..สุดท้าย ไม่เกิน 3 คำต้องทิ้งจานข้าว รีบวิ่งไปที่ข้างเรือ ขู่ทะเลต่อไปทุกคนเลย ไม่มียกเว้น บางคนได้แค่คำเดียวจริงๆ

ต้องเข้าใจว่า คนเมาคลื่นมันเหม็นไปหมดทุกอย่าง ถ้าคนไม่เคยเมาต้องลองเมาดูสักครั้ง แล้วท่านจะรู้ว่า “ทะเลไม่ใช่ที่อยู่ของคน” เป็นสัจธรรมที่แท้จริง

สุดท้าย ก็เหลือ 3 คนกับอีก 1 ตัว ที่ได้กินข้าวมื้อนั้น

เมื่อพวกเรา 3 คนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย อิ่มหมีพีมันแล้ว ประมาณ 5 ทุ่มเศษ ไต๋เอก เข้านอนก่อน ช่างดำตกปลาต่อ ส่วนผมนั่งสูบบุหรี่คุยเป็นเพื่อนช่างดำ สักพักก็ขอไปนอน หลับๆตื่นๆ เพราะเหนียวตัวไม่ได้อาบน้ำ

จนกระทั่งตีสี่ ผมลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเสร็จ รู้สึกหิว เลยจัดการกินข้าวกับแกงส้มตอนหัวรุ่งนั่นแหละใครจะทำไม ก็คนมันหิวและกินได้ด้วย

พอกินข้าวเสร็จ ดำ ลุกขึ้นมาอีกคน จัดการต้มน้ำชงกาแฟ ช่างดำเตรียมเบ็ดเพื่อตกปลาอีกครั้ง บอกผมว่า เมื่อคืนตกอยู่คนเดียวจนถึง ตีหนึ่ง ได้กระเบนขึ้นมาหนึ่งตัวกับปลาเก๋า,หัวเสี้ยมและปลาอื่นอีก 2 ตัวจึงเข้านอน

เรานั่งคุยกันเรื่อยๆ จน ดำ ลากฉลามใบ้ขึ้นมาอีกตัวขนาดสัก3 กิโลฯ ตอนท้องฟ้าเป็นแสงเงิน แสงทอง ไต๋เอกและลูกทัวร์ผู้ชายพยายามลุกขึ้นมาได้ 3 คน แต่ก็ป้อแป้เต็มที

ประมาณ 7 โมงเช้า ไต๋เอก ตัดสินใจถอนสมอเพื่อแล่นกลับภูเก็ต เพราะคลื่นลมยังหนักหน่วงรุนแรง คนที่เมาคลื่นอาการก็แย่ลงเรื่อยๆ เพราะกินน้ำ กินข้าวไม่ได้


เกาะรายา ยามเช้า ก่อนที่เราจะจากมา
------------------------------

ตอนขากลับค่อยสบายหน่อย เพราะเรือแล่นตามคลื่น ไต๋เอก บอกให้ลงเบ็ดราวอีกครั้งเพื่อลาก ทูน่า และก็ไม่ผิดหวัง เพราะได้ขึ้นมาอีก 22 ตัว ก่อนจะเข้าเขตภูเก็ต

เรามาถึงท่าเทียบเรือที่ภูเก็ตเกือบ 11 โมง ลูกทัวร์ ลุกขึ้นมาได้กันหมดทุกคนและเริ่มมีสีหน้าแดงเรื่อขึ้น มาบ้างและคำพูดที่ได้ยินจากปากของหลายคน “เข็ดแล้ว จะไม่ขอออกทะเลอีกต่อไป

ผม,ไต๋เอก,ช่างดำ มองตากันแล้ว ไม่พูดอะไร แต่หันไปเรียก “ไอ้ชิโร่” พร้อมกันเหมือนนัดกันไว้

พบกันใหม่ โอกาสต่อไป สวัสดีครับ

ชำนาญ ณ.อันดามัน

10 สิงหาคม 2553

----------------------------------------------------------------------------

---------

ท่านใดที่ชื่นชอบ กีฬาตกปลาทะเล ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเช่าเหมาเรือไปตกปลา

ติดต่อ : ชำนาญ ชูสุวรรณ   E-mail : freestyletrip@gmail.com

----------------------------------------------------------------

1 ความคิดเห็น:

  1. สู้จริง ๆ นะ ผมก็รู้จักไต๋เอกดี เขาเป็นบัดดี้กับไต๋มานะ เป็นเลือดนักสู้ท้ังคู่

    ตอบลบ

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน