วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไปหาลมหนาวชมสาวภู ตอน1 ภูเก็ต-เพชรบูรณ์-เขาค้อ


อีกครั้งหนึ่งในชีวิตของ ชำนาญ ณ.อันดามัน ที่ได้มีโอกาส ไปสัมผัสลมหนาวชมสาวภู จากหลายๆครั้ง ที่ได้เคยไปซึมซับมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่เคยเบื่อหน่าย ที่จะต้องขับรถไปด้วยระยะทางแสนไกล เพราะคุ้มค่าและประทับใจทุกครั้งได้ไปสัมผัสกับลมหนาวและสาวภู ณ.ยอดภูเสียดฟ้า
วันที่ 3 ธันวาคม 2553 ชำนาญ ณ.อันดามัน กับเพื่อนอีก 2 คน ออกจากเกาะภูเก็ตประมาณ 4 โมงเย็น ข้ามสะพานสารสิน ขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่ด้วยความไม่รีบร้อน เพราะทริปนี้ของพวกเรา มีเวลามากมาย


ที่พักของพวกเรา เมื่อสี่ทุ่มเศษคืนแรกของการเดินทางจากภูเก็ต
(ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าวันรุ่งขึ้น)



ผ่านเขารูปช้าง บนถนนเพชรเกษม(สาย4) อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อเช้าวันที่ 4 ธ.ค.หลังจากอาหารเช้า ที่เก่งเพกา

บนสะพานแขวน ประมาณ 11 โมงเช้า ขับรถเอง ถ่ายรูปเอง จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งข้างๆ ทนดูพฤติกรรมของผมไม่ไหว ดึงกล้องไปจากผมและบอกว่าจะช่วยถ่ายให้ เพราะเขากลัวว่าผมจะพาทั้งรถทั้งคนลงไปถ่ายในแม่น้ำเจ้าพระยา



เป็นภาพที่ถ่ายยากพอสมควร เพราะต้องกลับหน้ากล้อง แต่ก็คุ้มค่ากับความพยายาม



อีกหนึ่งมุมมอง จากบนสะพานแขวน ซึ่งหาดูไม่ได้ง่ายๆ


(ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าวันรุ่งขึ้น)
ที่พักคืนที่2 ของพวกเรา ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากที่ลงจากทางด่วนเมื่อเที่ยงเศษและใช้เวลาอยู่บนถนนสาย อ้อมน้อย-สระบุรี หลายชั่วโมง เพราะเป็นวันหยุดยาว รถทุกคันที่มุงหน้า ไปเขาใหญ่ เขาค้อ ภูหินร่องกล้า ภูทับเบิกและอุทยานฯน้ำหนาว ต้องใช้เส้นนี้ แถมมีอุบัติเหตุอีกต่างหาก ท่านที่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้คงซาบซึ้งดี

หมายเหตุ...รถบัสที่เห็นจอดอยู่หน้าโรงแรมคันนั้น มาจาก จ.สตูล เมื่อตอนกลางคืนหลายคนที่มากับรถคันนั้นได้เสวนากับผมแล้วที่ร้านข้าวต้มหน้าโรงแรม ซึ่งมีคนจากสะเดาเป็นเจ้าของ ฮ้า.ฮ้า.


เช้าวันที่ 5 ธ.ค.หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เราก็มาถึงทางแยกซ้าย เข้าเส้นทางสู่เขาค้อ สถานที่ ที่หลายคนปราถนาจะให้ได้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต

บนเส้นทางสู่เขาค้อ มีสิ่งสวยงามมากมาย แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะแวะเข้าไป


เพียงแต่จอดรถตรงปากทางเข้าแล้วเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก หากใครมีโอกาส เข้าไปกราบไหว้ขอพรก็คงเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย สำหรับพุทธศาสนิกชนคนไทย


เมื่อไต่ความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ บนไหล่ถนนริมหน้าผาสูงลิบลิ่ว จะได้พบและสัมผัสกับบรรยากาสของความเป็นเมืองและชาวภูผสมผสานกันได้อย่างลงตัว


นี่คือผักสดๆ จากบนยอดภู ดูขนาดแล้วโตกว่าของบนที่ราบหลายเท่า


ทิวสนภูเขา(สนสามใบ) ริมถนนทางขึ้นพระตำหนักเขาค้อ


อีกมุมมองจากยอดภู ที่ตั้งพระตำหนักเขาค้อ


เต๊นท์นักท่องเที่ยวมากมาย ที่มานอนให้ลมหนาวกอด บนภูพระตำหนัก


บรรยากาส บริเวณลานจอดรถหน้าพระตำหนัก ล๊อตเตอรี่และไอศครีมแท่งจะขายดีเป็นพิเศษ
และที่นี่เจอคนใต้มากจริงๆ


หน้าพระตำหนัก กับผู้คนและนักท่องเที่ยวมากมาย จากหลากหลายสำเนียง ชวนกันบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนผู้เขียน ตัดสินใจอยู่หลายตลบ ว่าจะเอารูปนี้ลงดีหรือไม่? เพราะดูๆแล้วเหมือนคนอดนอน ซึ่งก็เป็นยังงั้นจริงๆ ถ้าทนดูไม่ได้ก็คอมเม้นท์มานะครับ จะได้เอาออก ตัวเองดูเองยังรู้สึกทุเรศหนักหนา
แต่ถ้าใครไม่มีความคิดเห็น ก็จะเอาไว้ยังงี้แหละเพื่อประจานตัวเอง อิ..อิ..
(คอยติดตามชมภาพ ตอน พิพิธภัณฑ์ยุทธการเขาค้อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน