วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไปหาลมหนาวชมสาวภู ตอน3 หล่มสัก-หล่มเก่า-น้ำหนาว

*** ภาพนี้ ที่จุดชมดวงอาทิตย์ เมื่อออกมาจากน้ำหนาว ตอนเช้าวันที่ 7 ธ.ค. ***

ตอนนี้น่าจะยาวสักหน่อย เพราะเรื่องราวมันพัวพัน พันพัวนัวเนีย รุงรัง ตั้งแต่เย็นวันที่ 5 มาวันที่ 6 แล้วเลย ไปถึงเช้าวันที่ 7 โน่น จะเห็นว่าหลายภาพวันที่ 5 บ้าง 6 บ้าง 7 บ้าง เลือกถ่ายเอาตามความเหมาะสมของแสงและมุม(นี่..โม้ ยังกะมือโปรฯเลย) จะตัดบางภาพทิ้งไป ก็เสียดาย อุตสาห์เก็บภาพมามากมาย ก็ต้องขยายความไปตามภาพ

*** ภาพนี้ ถ่ายเช้าวันที่ 6 ธ.ค. ***

นี่คือโรงแรมที่ดี ที่สุดของ อ.หล่มสัก เมื่อพวกผมมาถึง ตอนเย็นของวันที่ 5 เขาบอกว่าห้องเต็ม วิงวอนแทบกราบไหว้ และยังต้องหน้าด้านควักบัตรผู้สื่อข่าวให้เขาดูอีกด้วย เขาจึงได้เจียดห้องพักมา 1 ห้อง หมอน2 ผ้าห่ม2 แต่ต้องนอน 3 คน

รถนักท่องเที่ยว ป้ายทะเบียนต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งรถบัสป้ายพัทลุงด้วย เต็มลานจอด หน้าโรงแรม เมื่อพวกผมมาถึง ตอนเย็นวันที่ 5 หลังจากหาที่กินเหล้าไม่ได้

จากบนห้องพักชั้น4 ผมไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายภาพตัวเมืองหล่มสัก แต่ตั้งใจจะถ่าย แนวภูเขาที่มองเห็นไกลๆ โน่น และมีคำถามว่า เป็นภูอะไร? แต่ก็ไม่มีคำตอบจากใคร และไม่กล้าไปถามพนักงานโรงแรมด้วย เพราะมันเสี่ยงกับการถูกขอห้องคืน ในข้อหา..สงสัยไม่เข้าเรื่อง อิ..อิ..

แต่ก็พยายามถ่ายไว้หลายภาพ และยืนอยู่มุมนั้นจนมืด ไม่รู้ว่าภูอะไร ก็ชั่งหัวมัน ยังไงมันก็สวยงามเมื่อยามตะวันลับไป
อาจจะเป็นเพราะว่า ผมเคยชินกับบรรยากาศ ตะวันลับขอบทะเลก็เป็นได้ จึงได้ประทับใจกับบรรยากาศ ตะวันลับทิวภูเอามากๆ

*** ริมคลองที่เปลี่ยนไป เราจำไม่ได้ ***

เช้าของวันที่ 6 ธ.ค.หลังจากเสร็จสิ้นอาหารเช้าที่โรงแรม
ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้บริการ เพราะเขาบวกกับค่าห้องไว้แล้ว
พวกเราย้อนหลังกลับไปที่ อ.หล่มเก่าอีกครั้ง ด้วยระยะทาง 10 กว่ากิโลเมตร ไม่ใช่จะไปขึ้น
ภูทับเบิก แต่ด้วยเหตุผลแค่ไปกินขนมจีนหล่มเก่า ที่มีชื่อเสียงและเคยกินเมื่อครั้งก่อนเกือบสิบปีมาแล้วเท่านั้น
สาบานว่า พวกเราไม่ได้เมาค้าง เพราะเมื่อคืนไม่ได้แตะต้องแอลกอร์ฮอล์เลย
เมื่อมาถึง ก็ต้องขับรถวนและถามเขาไปทั่วเมือง(เล็กๆ) ว่าร้านขนมจีนร้านนั้นอยู่ตรงไหน?
เพราะที่ ที่เราเคยมาเมื่อครั้งนั้น มันไม่มีแล้ว ผมจำได้ว่ามันอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่ริมคลอง
แต่เมื่อมาครั้งนี้ ต้นมะขามริมคลองมันหายไปหมดแล้ว กลายเป็นเขื่อนคอนกรีตแทน

สุดท้าย ก็ไม่เกินความพยายามของคนบ้าอย่างพวกเรา
หาจนเจอร้านขนมจีน ปรับปรุงใหม่ มีชื่อร้าน ซึ่งแต่ก่อนที่อยู่ใต้ต้นมะขาม ไม่มีชื่อร้าน

ยุคปรับปรุงใหม่ ภายใน สะอาดสะอ้าน จัดโต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย
มีหม้อน้ำแกงวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ

*** น้ำแกงตักราดเอาเองตามอัธยาศัยแบบภูเก็ต ***

พวกเรากินขนมจีนกันคนละจาน!!! คนละจานจริงๆ ให้ดิ้นตายสิ..ไม่ใช่ ไม่อร่อย
แต่พวกเราเพิ่งกิน กาแฟ น้ำส้มคั้น ขนมปัง ไข่ดาว แฮมส์และไส้กรอก จากโรงแรม มาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี่เอง แล้วจะยัดไปไว้ตรงไหน???

*** เขาจัดจานขนมจีน น่าดูมากกว่าน่ากิน ***

ออกจากร้านหนมจีนมาด้วยความอิ่มอก อิ่มใจและภาคภูมิใจกันนักหนา
ว่า..ข้าฯได้กินหนมจีนหล่มเก่าแล้วโว้ย!!!
ไอ้บ้ากันทั้ง3คนนั่นแหละ ทุเรศ!???
ขับรถกินลม ชมวิว กลับไปหล่มสักอีกครั้ง ทำไม?..
ตั้งใจจะไปบ้านเจ้า ชาง ซาไก ที่ขอนแก่น โน่น
แต่ ณ.เวลานั้น เจ้าชาง ซาไก ยังติดภารกิจอยู่ที่กรุงเทพฯ จะกลับถึงขอนแก่นในวันรุ่งขึ้น
เราไปถึงขอนแก่นก่อนจะเป็นไรไป นั่งตาก ลมหนาว ซดเหล้ากับเสี่ยวของผม(ที่มีอยู่หลายคน) บนบ้านริมน้ำของเจ้าชาง เหมือนเมื่อ เดือน มกราฯที่ผ่านมา ก็ไม่เลว

*** ภาพนี้ ถ่ายเช้าวันที่ 7 เพราะบ่ายวันที่ 6 คนยั้วเยี้ย ***

เราตุหรัดตุเหร่ มาบนถนนสายหล่มสัก-ชุมแพ จนถึงปากทางเข้าอุทยานฯน้ำหนาว เห็นผู้คน
รถรามากมาย ผมตัดสินใจทันใด
เลี้ยวรถขวับเข้าไปจอดหน้าป้อมยาม เดินแถเข้าไปที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่กำลังมองที่ป้ายทะเบียนรถเรา ไม่ทันได้เอ่ยปาก
หมอทักเป็นภาษาใต้ทันทีและแนะนำตัวเองว่าตัวเขาอยู่ หน้าวัดพระนางสร้าง อ.ถลาง ภูเก็ต ซึ่งมันเป็นทางผ่านที่ผมไปหาดลายันทุกวัน เท่านั้นแหละข้อมูลทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาโดยที่ผมไม่ต้องถามและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานฯ 

พวกผมจึงตกลงกันว่า จะลองเข้าไปเที่ยวทัศนาภายในบริเวณอุทยานฯ สักพักแล้วค่อยออกมา
ยังมีเวลามากมาย สำหรับการไป ขอนแก่น



*** ร้านขายเหล้า ร้านแรกซ้ายมือนั่นแหละ ที่พวกเราพบกับสาวภูรายแรก เธอชื่อน้องจอย ฮ้า..ฮ้า..ฮ้า..***

เมื่อเข้ามาเห็นบรรยากาศอันคึกคัก ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีร้านอาหารมากมาย ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ทำเอาพวกผมเปลี่ยนใจจากการเข้ามาดูสักพัก กลายเป็นไปติดต่อขอเช่าบ้านพักนอนค้างคืนแทน เพื่อสูดกลิ่นไอป่าและท้าลมหนาว
แต่ปรากฏว่าบ้านพักเต็มหมด จึงได้เป็นเต็นท์หลังใหญ่แทน
ก็ดีเหมือนกัน จะได้นอนกลางดิน กินกลางทราย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

พวกเราได้เต็นท์หลังใหญ่ ที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯกางไว้แล้ว ลึกเข้าไปในป่าอยู่ริมลำห้วย
ที่เห็นลิบๆ ตามภาพ
 ใกล้กอไผ่ เงียบและไกลจากกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่นๆ พอสมควร

เมื่อจัดการเอาสัมภาระบางส่วนเข้าเก็บในเต็นท์เป็นที่เรียบร้อย
พวกเรา 3 คนจึงได้ตกลงใจเดินเที่ยวป่าน้ำหนาวสักครั้ง เมื่อประมาณตอนบ่ายแก่ๆ

ด้วยเส้นทางที่ไม่ยากลำบากสักเท่าไหร่ แต่มีนักท่องเที่ยวเดินไม่มากนัก
พวกเราค่อยๆเดินชมธรรมชาติด้วยความไม่รีบร้อน

บนเส้นทางเดิน ธรรมชาติของป่าน้ำหนาวยังสมบูรณ์พอสมควร

นักส่องนก ที่ลึกเข้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร


ที่หน้าเต็นท์ ของค่ำคืนในความหนาวที่อุณหภูมิ 18 องศา หลังจากเราย้ายมาจากร้านเหล้า
ของน้องจอย สาวภูคนนั้น เมื่อตอนสามทุ่มเศษ และเมื่อเธอปิดร้านตอนสี่ทุ่ม เธอก็มาร่วมเสวนากับพวกเรา ด้วยเหตุผลว่าเธอชอบคนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนมีหนวด อึ๊ยยยย..บรือ.....

เธอเป็นคนถ่ายภาพนี้ให้พวกเราและอีกหลายภาพ แต่เมื่อผมจะขอถ่ายภาพเธอไว้เป็นที่ระลึกบ้าง
เธอไม่อนุญาต ผมจึงไม่ได้เอาภาพของเธอมาอวดแฟนๆ ให้ได้ขนลุก ขนพอง

ความจริงเธอจะขอนอนกับพวกเราด้วย แต่ผมบอกว่าให้เธอกลับไปนอนรอที่ร้านเถอะ ตอนดึกๆ ผมจะตามไป เธอจึงได้กระฟัด กระเฟียดกลับไปตอนเกือบเที่ยงคืน ก่อนจากไปเธอพูดกับผมแบบน้อยเนื้อต่ำใจว่า"คนใต้ใจดำ คนใต้น่ากัววว" ส่วนผมนอนสะดุ้ง ผวาทั้งคืน กลัวเธอจะกลับมาชวนผมเข้ากอไผ่!!

เช้าวันที่ 7 ธ.ค.ความจริง สายมากแล้ว เราออกมาจากอุทยานฯเลี้ยวขวาย้อนกลับไป
ตามถนนไปหล่มสัก แวะขึ้นไปที่จุดดูพระอาทิตย์ขึ้น

ขนาดว่าสายแล้ว พวกเราก็ไม่ผิดหวัง กับความงดงามที่ได้สัมผัส

ขอให้ได้ซึมซับความงามโดยทั่วกัน

ภาพนี้ ผมถ่ายจากชั้นที่ 2 ของหอชมวิว

หอชมวิว ซึ่งผมมีปัญญาขึ้นไปได้แค่ชั้นที่ 2 เท่านั้น แฮะ..แฮะ..

เมื่อลงมาจากจุดชมพระอาทิตย์
พวกเราเปลี่ยนใจจากการไปขอนแก่น อีกแล้วครับท่าน (ใจง่าย หลายใจ) โดยย้อนกลับมาทางหล่มสัก เพื่อไปขึ้น "ภูทับเบิก" ให้ได้ในวันนี้
เราข้ามสะพาน "พ่อขุนเม็งราย" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่แปลก ที่สุดในประเทศไทย
แปลกยังไง ท่านผู้ชมไปค้นคว้าเอาเองนะครับ

และที่จุดพักรถ ริมหน้าผาสูง เมื่อข้าม "สะพานพ่อขุนเม็งราย" มาไม่ไกล
เราหยุดชม สินค้า ของฝาก หลากหลายมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยว และพูดคุยกับผู้ค้าขาย
ถึงวิถีชีวิต อาชีพ การเป็นอยู่ เศรษฐกิจ แต่ยกเว้นไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะกลัวความขัดแย้งจะเกิดขึ้น และผมแน่ใจว่าเราคงจะออกจากที่นั้นยากแน่ๆ
-----------------------

คลิปวีดีโอ การเดินป่าน้ำหนาว บางช่วงบางตอน

 


*** คอยติดตาม ไปหาลมหนาวชมสาวภู ตอน4 ขึ้นภูทับเบิก ***
-----------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน