วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไปหาลมหนาวชมสาวภู ตอน5 ภูหินร่องกล้า ผาชูธง

*** ผาชูธงอันลือลั่น ในตำนาน "ยุทธการภูหินร่องกล้า" ที่เคยสร้างวีรชนและวีรบุรุษในอดีต***

จากด่าน(มีไว้เก็บเงิน)อุทยานฯด้านภูทับเบิก ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยว ลาดชันลงเขามาตลอด
หลายช่วง หลายตอนเป็นหลุม เป็นบ่อ ขรุขระ
ปราศจากการบำรุงรักษามาเนิ่นนานปี สองข้างทาง มีไม้เลื้อยและพงหญ้า
รุกล้ำออกมาบนผิวถนนรกรุงรัง คล้ายถนนร้าง!.. ยังสงสัยอยู่ว่าพวกนั้นเก็บเงิน เอาไปทำอะไร?..

ไม่มีรถสวนขึ้นมา มีแต่รถ CRVสีขาว ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร คันเดียว ที่ขับตามหลังมาติดๆ
ผมช้า เขาช้า ผมเร็ว เขาเร็ว ไม่ยอมแซงแม้ว่า ผมให้สัญญาณไฟให้แซง จนผมรู้สึกเครียด
ไม่แน่ใจว่า เขาขอร่วมทาง หรือมีเจตนาอย่างอื่น!?..

ตอนแรก ผมสังเกตุเห็นรถคันนั้นจอดอยู่ที่หลังด่านตรวจนั่น
และเมื่อผมขับผ่านเขามา เขาก็ออกตามหลังมาทันที ผมมองคนในรถไม่เห็น
เพราะติดฟิล์มทึบ

เรามาได้คำตอบเมื่อ มาจอดที่หน้าค่าย พคท.ผมจอด เขาจอด เราลงจากรถ พวกเขา ลงจากรถ
ผมจับตามอง เห็น..ผู้หญิงสาว 2 คน อายุประมาณ 20 ต้นๆ คนหนึ่งเป็นคนขับ คนหนึ่งนั่งด้านข้าง
และ 2 ตา ยาย อายุเกิน 70 ลงมาจากที่นั่งตอนหลัง

เฮ้อ...เขาต้องการเราเป็นเพื่อนจริงๆ ผมยิ้มให้และทักทาย
พวกเขา มาจากกรุงเทพฯ และเป็นครั้งแรก บนเส้นทางสายนี้!..

จุดแรก ถ้าเรามาจากเส้นทาง ภูทับเบิก-นครไทย คือ โรงเรียนการเมืองการทหาร
ค่ายใหญ่ของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท)บนภูหินร่องกล้า เมื่อหลายสิบปีก่อน

ป้ายบอกเรื่องราวต่างๆ จัดทำโดยทางการ

สถานที่พักของสหาย คลังอาวุธ โรงพยาบาล ในยุคนั้น
ซึ่งยังคงสภาพไว้ได้ดีพอสมควร

กระท่อมเหล่านั้น ปลูกสร้างไว้เป็นระเบียบ ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ใบบัง พรางตา

กระท่อม มุงด้วยแผ่นไม้กระดานและกั้นด้วยแผ่นไม้กระดานเช่นกัน
หน้าหนาว พวกเขาคงต้องทนทุกข์ ทรมานอย่างมาก




เขาเขียนไว้ว่า บ้านพักหมอ-พยาบาล เป็นโรงพยาบาล
ผมเข้าใจว่า คงจะมีวิญญาณของสหาย วนเวียนอยู่เป็นจำนวนมาก
ผมระลึกย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่นี่คงมีแต่เลือด คนเจ็บและคนตาย
ผมพิจารณาด้วยความสลดใจและหนาว!!!! ยะเยือก

ซากเครื่องจักรกลหนัก ที่เกิดจากความขัดแย้ง ทางด้านอุดมการณ์

ขนาดเหล็ก ยังเละขนาดนี้ แล้วคนบังคับในขณะนั้น จะเป็นอย่างไร??

เราออกมาจาก ค่ายโรงเรียนการเมืองการทหาร ขับรถมาประมาณ 15 นาที
เข้ามาถึงจุดที่เป็นจุดเริ่มต้น การเดินศึกษา ภูหินร่องกล้าที่แท้จริง
บริเวณนี้ มีลานจอดรถ มีร้านค้า ร้านอาหาร มีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว ครบครัน

มีแผนที่ขนาดใหญ่ บอกเส้นทางเดินไปยังจุดสำคัญ
เช่น โรงเรียนการเมืองการทหาร สุสานสหาย ลานหินปุ่ม ผาชูธง และจุดชมวิว

มีป้ายบอกทิศทาง จุดหมายและระยะทาง

ที่นี่ สุสานสหาย ที่เสียชีวิตจากการรบกับทหารไทย เมื่อครั้งกระโน้น
ผมแวะเข้ามาคนเดียว คารวะและจุดบุหรี่เสียบไว้ให้หนึ่งมวน พร้อมกับบอกกล่าว
รู้สึกขนลุกซู่...เหมือนเขารับรู้!..

ตัวตาย ร่างกายถูกกลบฝัง ละลายกลายเป็นธาตุทั้งสี่
แต่...อุดมการณ์ ยังคงอยู่

บนเส้นทางเดิน ที่ผมตั้งเป้าไปที่ลานหินปุ่ม

บนเส้นทางไปลานหินปุ่ม นักท่องเที่ยวมากมาย

เริ่มเข้าสู่บริเวณ ลานหินปุ่ม

บนลานหินปุ่ม ด้านซ้ายมือเป็นหน้าผาสูงลิบลิ่ว และ 3 คนที่มากับ CRVสีขาว คันนั้น!..

3 คนที่ด้านหลังผมนั่นแหละ ที่มากับCRVสีขาว ขับติดหลังเรามาจากด่านภูทับเบิก
ส่วนคุณตานั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ อีกมุม

ผาชูธง ถ่ายจากระยะไกล

อีกมุมมองของ ภูหินร่องกล้า จากลานหินปุ่ม


และในที่สุดผมก็มาถึง "ผาชูธง" จนได้

ในความรู้สึก ลึก ลึก ส่วนตัวของผม
เมื่อหลายสิบปีก่อน ถ้ากำลังทหาร ตีตรงนี้ไม่แตก ยึดตรงนี้ ไม่ได้...
เราคงไม่ได้เห็น ธงสีนี้ บนหน้าผานี้ มาจนถึงปัจจุบันนี้แน่.

---------------------------------

หมายเหตุ...เสียดายเป็นอย่างยิ่ง ภาพส่วนใหญ่และคลิปวีดีโอ ที่ภูหินร่องกล้า ที่ภูทับเบิก ที่นครไทย ที่พิษณุโลก สิงห์บุรี อ่างทอง อยุทธยา ดอนหอยหลอด อัมพวา ภาพจากงานสัมมนาวิชาการ 30 ปี นสพ.พลังชน ที่นครปฐม และที่สำคัญที่สุดคือภาพชมสาวภู มันลบไปจาก Document หมดเลย กู้กลับไม่ได้ ที่เหลื่อบางส่วนนี้ ผมทำเป็นฉบับร่างไว้ในบล็อก จึงรอดมาได้

ความจริงเรื่องเล่าทริปนี้ ควรจะมีถึง 10 ตอน แต่จำเป็นต้องจบแค่นี้
ถ้าเล่าแบบไม่มีภาพประกอบ ผมเล่าไม่ออก ถึงเล่าได้ก็ไม่ได้อรรถรส
ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่างคือ ไม่ชอบจดบันทึก จึงลำดับเรื่องกับภาพ
ถ้าไม่มีภาพ ผมนึกไม่ออกว่าตอนไหน ทำอะไรบ้าง!..

ขอจบเรื่อง "ไปหาลมหนาวชมสาวภู" ไว้เพียงตอนนี้
ถือเป็นการส่งท้ายปีเก่า 2553
ต้อนรับปีใหม่ 2554

และขอถือโอกาสนี้ อวยพรปีใหม่ ให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน
จงประสบแต่ความสุขความเจริญ โชคดีมีทรัพย์ตลอดปี

ไว้คอยติดตาม เรื่องอื่นๆ ในโอกาสต่อไป...

ขอขอบคุณทุกท่าน ที่เสียเวลาอ่านเรื่องโม้ของผม
...ด้วยความจริงใจ...ของ..ชำนาญ ณ.อันดามัน

สวัสดี
---------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน