วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มาลีฮวนน่ากับคอนเสิร์ตที่ร้านอาหารบ้านซาไก มัญจาคีรี (25 เม.ย.54)


ผลจากการนอนตี 4 เมื่อคืน สายๆของวันที่ 25 เม.ย.54 ผมจึง งึกๆงักๆ ตื่นขึ้นมา ในขณะที่เจ้าชาง รอผมอยู่เพื่อจะไปที่ร้านซาไก ตลาดมัญจาคีรี ส่วนเจ้าเอ็ม นักดนตรีที่มากับผมเมื่อตอนหัวรุ่ง กลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

ผมสะเงาะสะแงะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เพราะเมื่อหัวรุ่งผมหลับไปทั้งชุดเดิมโดยไม่ได้อาบน้ำ เล่าไปนี่ ใครๆก็คงคิดว่าผมซ๊กม๊ก จริงๆ ..แห่ะ แห่ะ..สารภาพอย่างหน้าด้านๆว่า ซ๊กม๊กจริงๆ..

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ ถอนด้วยกาแฟ ที่กาแฟกับค๊อฟฟี่เมทอยู่กันคนละทิศ คนละทาง ในถ้วยเดียวกัน เพราะน้ำไม่ร้อนพอ แต่ก็แค่นๆ กระเดือกลงไป ในขณะที่เจ้าชางก็เร่งยิกๆ จนปรากฏว่าผมกินกาแฟถ้วยนั้นไม่หมดด้วยเหตุผล สองประการที่ยกมา คือหนึ่ง..น้ำไม่ร้อนพอ สอง..เจ้าชางเร่ง ..แต่ ข้ออ้างมากกว่า อิอิ..

เรามาถึงร้านซาไก ประมาณ 10 โมง ในขณะที่ทีมงานประกอบเวทีคอนเสิร์ตซึ่งเป็นเวทีสำเร็จรูป เพิ่งจะขนอุปกรณ์มาถึงก่อนหน้าเราไม่มาน เจ้าชาง ได้แต่ส่ายหัวเป็นพัดลมด้วยความขัดใจ ใความล่าช้า

ส่วนทีมงานแสง สี เสียง นำเอาอุปกรณ์มาพร้อมที่จะติดตั้ง แต่ทำอะไรไม่ได้ เพระเวทียังซ่อมแซมอุปกรณ์บางอย่าง ที่ชำรุดไม่เสร็จ จึงได้แต่นั่งรอ

เจ้าชางเริ่มเครียด แต่ไม่บ่นอะไร เพียงแต่บอกให้ผมช่วยดูแลเรื่องการจัดโต๊ะเก้าอี้ เรื่องน้ำดื่ม น้ำแข็ง เครื่องดื่มต่างๆ ที่เอเย่นต์ จะเอามาส่งให้ในวันนี้ และจำพวกโต๊ะ เก้าอี้ ถ้วย ชาม ช้อน แก้ว ที่เช่าเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย ส่วนตัวเจ้าชาง จะเข้าไปในตัวเมืองขอนแก่น เพื่อหาซื้อเครื่องใช้ไม้สอยอีกหลายอย่างมาเพิ่มเติม

หลังจากที่เจ้าชาง ออกไป ผมกับพนักงานเสิร์ฟและนักดนตรี ที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ช่วยกันลนละไม้ คนละมือ จัดการทุกอย่างตามที่เจ้าชาง วางแผนเอาไว้ พร้อมกับขอให้ทีมสร้างเวทีช่วยเร่งมือ หัวหน้าทีมรับปากว่า ไม่เกินบ่าย 2 โมง คงจะลงมือประกอบได้

กระทั่งเกือบบ่าย 2โมง เจ้าชางกลับมาพร้อมข้าวของที่ซื้อมามากพอสมควร เมียเจ้าชาง ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปสำหรับมื้อเที่ยงมาเผื่อทุกคนด้วย ซึ่งเวลานั้นผมกำลังจะเป็นพายุเพราะความหิว

หลังจากที่เรากินข้าวเที่ยง(ที่อร่อยที่สุดมื้อหนึ่ง)กันเสร็จเรียบร้อย เวทีคอนเสิร์ตจึงได้ลงมือประกอบโครงสร้างเป็นรูป เป็นร่างขึ้น

สี่โมงเศษ พวกเราจัดเตรียมทุกอย่างลงตัว ส่วนเวทีเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นจะประกอบเสร็จ พวกเราจึงได้แยกย้ายกันกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะรีบกลับมาที่ร้านอีกครั้งก่อน 5 โมงเย็น

ช่วงที่ผมยังอยู่ที่บ้านเจ้าชาง ก่อนจะออกมาที่ร้านอาหาร สหายชาวลาวของผมที่เจอกันบนรถทัวร์เมื่อวันเดินทางมาจากภูเก็ต โทรเข้ามา บอกว่ากำลังจะขึ้นรถบัสประจำทางที่ตัวเมืองขอนแก่น เพื่อจะมาที่ร้านซาไก ขอให้ผมบอกจุดหมายด้วย เขาจะได้มาลงถูก

ผมตอบกลับไปอย่างงงๆ ว่าผมก็บอกไม่ถูก ซึ่งมันก็ต้องเป็นยังงั้น!.. เพราะผมก็เพิ่งมาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน จึงบอกไม่ได้ว่าจะมาลงตรงไหน ยังไง!?.อีกทั้ง ผมงงๆ กับการนึกไม่ถึงว่า สหายลาวของผมจะมาจริงๆ ตามที่คุยกันบนรถทัวร์คืนนั้น..

ผมแก้ปัญหา โดยการส่งโทรศัพท์ให้เจ้าชาง เป็นคนอธิบาย หลังจากที่เขาคุยกันจบเป็นที่เข้าใจ เจ้าชาง ส่งโทรศัพท์คืนให้ผมและถามยิ้มๆว่า “ใคร?” ผมตอบว่า “สหายชาวเวียงจันทร์ เจอกันบนรถทัวร์เมื่อคืนก่อน ไม่นึกว่าจะมาจริงๆ” เจ้าชางไม่ถามต่อ แต่คงคิดว่า บ้าพอๆกัน

เรากลับมาถึงร้านอาหาร เมื่อ 5 โมงนิดๆ เวทีคอนเสิร์ตประกอบเสร็จเรียบร้อย ทีมงานแสง สี เสียง กำลังติดตั้งระบบทุกอย่างจวนจะเสร็จสิ้น

เวทีคอนเสิร์ต ก่อนค่ำ
ประมาณ 5 โมงครึ่ง รถบัสจากขอนแก่นจอดหน้าร้านอาหาร ผมหันไปมอง เห็นเพื่อนชาวลาวของผมลงจากรถคันนั้น ผมเดินไปรับ พามาแนะนำให้รู้จักกับเจ้าชางและครอบครัว จึงได้นั่งคุยกัน
ใกล้ 6 โมงเย็น ทีมงานนักดนตรีของมาลีฮวนน่ามาถึง(ส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน) หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี พวกนั้นขึ้นเวที ทำการเช็คซาวด์เสียง ซาวด์กลอง มิกซ์ซาวด์เครื่องดนตรี กระทั่งเวลาเกือบทุ่ม ทุกอย่างลงตัวเป็นที่พอใจ

ทีมงานมาลีฮวนน่าเช็คซาวด์
พวกนั้นจึงขอตัวกลับไปพักผ่อนยังรีสอร์ทใกล้ๆ ที่เจ้าชาง เปิดไว้ให้ ซึ่งเป็นบริการเสริมที่อยู่ในข้อตกลงของการจ้างศิลปินมาแสดงคอนเสิร์ต นอกเหนือจากค่าจ้างวง คือต้องจัดที่พักพร้อมอาหารและเครื่องดื่มให้ฟรี!..
สำหรับอาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ทางทีมงานบอกว่ากำลังเดินทางมา คงจะถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่า ซึ่งเป็นเวลาแสดงคอนเสิร์ต พอดี
*************************
...ขอเล่าถึงความสัมพันธ์ พอสังเขป ระหว่าง มาลีฮวนน่ากับชำนาญ ณ.อันดามัน(พี่สาม) และชาง ซาไก

เมื่อหลังปี 30 ประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว ขณะนั้นเจ้าชาง ยังรับจ้างเล่นโฟร์คซอง ตามร้านอาหาร แถวเกาะสมุยบ้าง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีบ้าง

มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าชาง พาเพื่อนคนหนึ่ง ไปหาผมที่ภูเก็ต หมอนั่นรูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยเสื้อกุยเฮงไม่มีปกคอ(เสื้อที่ชาวนา ชาวไร่ นิยมใส่กัน) นุ่งกางเกงตังเกสีมอๆ ใส่รองเท้าแตะ สะพายย่ามเก่าๆ และแบกกีต้าร์โปร่ง บ่งบอกถึงความเป็นนักดนตรีเพื่อชีวิตในยุคนั้น ลักษณะหมอเบลอๆ เป๋อๆ เหมือนคนมีปัญหาทางสมองประมาณนั้น

เจ้าชาง แนะนำให้ผมรู้จักว่าชื่อธง (ธงไชย รักษ์รงค์) บ้านเดิมอยู่ อำเภอเชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช เป็นคนที่เคยตามดูวงดนตรีเดอะเม้าเท่น ที่พวกเราเล่นคอนเสิร์ตและในงานเลี้ยงต่างๆ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.6 ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ จึงไปเรียนดนตรีกับสยามกลการที่กรุงเทพฯ จนจบหลักสูตร จากนั้นก็เที่ยวตระเวนรับจ้างเล่นดนตรีโฟร์คซองตามร้านอาหารทั่วไป ครั้งสุดท้ายที่เกาะสมุย และตกงาน เจ้าชางจึงพามาหางานที่ภูเก็ต ขอพักกับผมก่อน จนกว่าจะหางานได้

แถมบอกมาอีกว่า เจ้าธง คนนี้ มันมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆ สาเหตุเกิดจากความเครียดในการใช้สมอง คิดเค้น แต่งเพลงเพื่อชีวิตสำเนียงปักษ์ใต้ มากเกินไป ปัจจุบันแต่งไว้หลายเพลง แต่เมื่อนำไปเสนอค่ายเพลงเพื่อทำแผ่น ค่ายเพลงเหล่านั้นต่างบอกปฏิเสธ และหาว่า มันบ้า!. ที่แต่งเพลงเพื่อชีวิตสำเนียงปักษ์ใต้ !?..และผมก็ชักจะคล้อยตามเหมือนกัน เพราะเมื่อผมถามหมอคำ หมอตอบคำ และถ้าผมถามหลายคำ หมอก็นั่งทำตาลอยเฉย ไม่ตอบซะงั้น..เออ..เอากะมันสิ.

ผมจึงถามเจ้าชาง ตรงๆต่อหน้าเจ้าธง ว่า เวลาปวดหัวมากๆ มีอาการน่าเป็นห่วงหรือไม่? (ความหมายของผมคือถึงกับต้องจับมัดเอาไว้อะไรประมาณนั้น อิอิ) เจ้าชาง บอกผมว่า กินยาพาราเซตามอน 2 เม็ดก็หาย..เออ..ถ้างั้นก็ค่อยโล่งใจ นึกว่าถึงกับต้องจับมัดล่ามโซ่..

ผมจึงรับปากว่าอยู่กับผมก่อน จนกว่าจะหางานเล่นดนตรีตามร้านอาหารได้ และผมก็จะสอบถามพรรคพวกให้อีกทางหนึ่ง

เจ้าชาง นอนค้างที่บ้านผม 2 คืน จึงกลับสุราษฎร์ฯ โดยทิ้งเจ้าธงไว้กับผม ช่วงที่ยังไม่ได้งาน เจ้าธงจะงัดเอาเพลงที่แต่งเอาไว้ ออกมาขัดเกลา ตัดโน่นนิด เติมนั่นหน่อย บ่อยครั้งที่เรียกให้ผมเข้าไปช่วยดู ออกความคิดเห็น ติติง ตอนแรกๆ ผมไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ แต่เมื่อผมได้ฟังเจ้าธงทดลองเล่น พร้อมกับเป่าเม้าท์ออร์แกนประกอบเพลงที่เขาแต่ง หลายครั้งเข้า ความเป็นนักดนตรีเก่าของผมก็กำเริบ จึงอดไม่ได้ที่จะต้องช่วยแนะนำ บางคำ บางประโยคของเนื้อหาเพลง เช่นเพลงหัวใจพรือโฉ้,รักสาวพรานนกและอีกหลายเพลง แต่ ณ.เวลานั้น ผมก็ไม่ได้คิดหรอกว่า เจ้าธง มันจะเอาเพลงพวกนั้นไปขายได้ เพราะตลาดเพลงเพื่อชีวิตในช่วงนั้น เป็นของคาราบาว,คนด่านเกวียน, ซูซู, พงษ์เทพ กระโดนชำนาญและอีกมากมาย ล้นตลาด.

ประมาณ 2 อาทิตย์ ที่เจ้าธง กินนอนอยู่บ้านผม จนกระทั่งผมได้ข่าวจากพรรคพวกว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งในภูเก็ต ต้องการรับนักดนตรีโฟร์คซอง ผมจึงบอกให้เจ้าธงไปออดิชั่น และเขาก็รับไว้เล่นตั้งแต่วันนั้น หลังจากวันนั้นอีก 2 วันเจ้าธงก็ย้ายออกจากบ้านผมไปอยู่ห้องพักที่ทางร้านเขาจัดไว้ให้

เล่นอยู่ที่นั่นไม่นาน เจ้าธงได้รู้จักกับหลานของผมที่เล่นอยู่ในผับดังบนหาดป่าตอง(ตอนนี้มันเล่นอยู่ในผับที่เกาะสมุย) จึงได้รับการชักชวนให้ไปเล่นอยู่ที่นั่น จนขาดการติดต่อกับผมไประยะหนึ่ง ได้ข่าวอีกทีว่าไปเล่นอยู่ที่นครศรีธรรมราช

ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกันที่บ้านของหลานผม หน้ามหาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เจ้าธงบอกผมว่า ตอนนี้มีวงเป็นของตัวเองแล้วชื่อ “มาลีฮวนน่า” ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับนักร้องนำชื่อไข่(ซึ่งผมเคยรู้จักมาก่อนตั้งแต่ผมยังเป็นเดอะเม้าเท่น) และสมาชิกคนอื่นๆในวง

หลังจากนั้นไม่นาน วงการเพลงเพื่อชีวิตสำเนียงปักษ์ใต้ ก็กระหึ่ม จากอัลบั๊มชุด “หัวใจพรือโฉ้” ของวง “มาลีฮวนน่า” ผมฟังเพลงชุดนั้นด้วยความทึ่งและภาคภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขา

และอีกไม่นานต่อมา เจ้าธง กลับมาเปิดร้านอาหารที่ภูเก็ต (มีกัปตันไก่เป็นผู้ดูแล) โดยพาเมียชาวญี่ปุ่นและลูกเล็กๆอีก 1 คนมาฝากไว้กับผม(อีกแล้ว) เมื่อเจ้าธงต้องไปเล่นคอนเสิร์ตกับวง มาลีฮวนน่า ตามต่างจังหวัด

ปีเศษๆร้านอาหารของเจ้าธงเจ๊ง ครับ (เพราะไม่มีประสบการณ์) เจ้าธง หอบลูกเมียเข้ากรุงเทพฯ และไม่ได้เจอกับผมอีกเลย จนกระทั่งผมได้ข่าวว่า เจ้าธง ผู้ก่อตั้งวง “มาลีฮวนน่า” แยกตัวออกจากวงเสียแล้ว ด้วยเหตุผลกลใด ไม่แน่ชัด หากมีโอกาสได้พบ ได้เจอกับเจ้าธง อีกสักครั้ง ผมคงจะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง.

และนี่คือเกร็ดเล็กๆ เสี่ยวหนึ่ง ของชำนาญ ณ.อันดามัน(พี่สาม) กับธงไชย รักษ์รงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งวง “มาลีฮวนน่า”

***********************

พอเริ่มพลบค่ำ ประมาณทุ่มเศษๆ ลูกค้าที่จองโต๊ะเอาไว้บางส่วนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาบ้างแล้ว ส่วนที่ไม่ได้จองก็เริ่มเข้ามาขอแจม แต่ก็ต้องผิดหวังกลับไปเพราะไม่มีโต๊ะให้ แต่บางคนยอมรอเผื่อว่ามีโต๊ะที่ผู้จองอาจจะไม่มา

ในช่วงนั้นเพื่อนฝรั่งอังกฤษของผมก็เข้ามาพร้อมกับเมียคนไทยและหิ้วเบียร์กระป๋องมาด้วยถุงใหญ่ ตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ผมจึงพาไปนั่งด้วยกันกับเพื่อนชาวลาวที่นั่งกินเหล้าอยู่ก่อนแล้ว เป็นอันว่าคืนนี้ ผมมีเพื่อนต่างด้าว ท้าวต่างแดนถึง 2 คน จาก 2 ประเทศ มาให้ผมรับรอง ซึ่งมีทั้งได้และเสียพร้อมๆกัน ที่ได้คือได้เพื่อนชาวต่างประเทศถึง 2 ประเทศ ที่เสียคือเสียรายได้จากโต๊ะจองไปฟรีๆหนึ่งตัว ฮ้า ฮ้า..

เพื่อนต่างด้าว ท้าวต่างแดน
ประมาณ 2 ทุ่ม แฟนเพลงของมาลีฮวนน่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหญ่ อายุ 40 อั๊พ 50 อั๊พ มีวัยรุ่นน้อยมาก เริ่มทยอยเข้ามาเต็มร้าน ในลานหน้าเวทีคอนเสิร์ตบรรยากาศเริ่มมีสีสันและมีชีวิตชีวา แต่ก็เริ่มมั่วกับการที่ลูกค้าผู้มาก่อนจะขอเปลี่ยนเป็นโต๊ะหน้าเวทีบ้าง โต๊ะมุมที่ถูกใจบ้าง ขอ 2 โต๊ะเอามาชนเป็นโต๊ะเดียวกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะจัดการให้ เพราะแต่ละโต๊ะได้แปะชื่อของผู้จองเอาไว้แล้ว และจัดไว้เป็นระบบ ระเบียบ มีการโวยวายกันบ้าง อวดเบ่งบารมีกันบ้าง ตามปกติของเมืองเล็กๆที่มีคนใหญ่ๆมาก แต่สุดท้ายก็ลงตัว
2 ทุ่มครึ่ง เจ้าชาง จัดให้นักดนตรีของร้านขึ้นเล่นก่อนเป็นการเรียกน้ำย่อยและรอเวลาคอนเสิร์ต ซึ่งก็ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลิน สนุกสนาน กับการรอคอย

นักดนตรีของร้านซาไก ขึ้นเล่นก่อนเวลาคอนเสิร์ต
เวลาผ่านไป บรรยากาศในลานคอนเสิร์ตดำเนินไป ด้วยความสนุกสนาน ครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ ตามดีกรีที่เพิ่มขึ้นในเส้นเลือดของแฟนเพลง
กระทั่ง 3 ทุ่มครึ่ง นักดนตรีวงมาลีฮวนน่าเริ่มทยอยขึ้นเวที ไฟบนเวทีคอนเสิร์ต ดับมืดลง ทุกอย่างเงียบสนิท มีเสียงประกาศออกมาว่า อาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า พร้อมจะขึ้นเวทีแล้ว ขอเสียงปรบมือต้อนรับหน่อย..

พอสิ้นเสียงคำประกาศ เสียงปรบมือ เสียงเป่าปาก เสียงตะโกนคำว่ามาลีฮวนน่าและคำว่าอาจารย์ไข่ ก็ดังกระหึ่มขึ้นจนเอื้ออึง ผมสัมผัสได้ถึงความนิยมชมชอบอย่างลึกซึ้งของคนที่นี่ต่อมาลีฮวนน่า

อาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า ขึ้นเวที
เสียงอินโทรเพลง “แสงจันทร์” ดังขึ้น “ไข่ มาลีฮวนน่า” เดินออกไปหน้าเวที แสงไฟสปอร์ตไลท์ บนเวทีสว่างขึ้น พร้อมๆกับเสียงปรบมือ เสียงเป่าปากจากลานหน้าเวทีดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง ประสานกับเสียง... แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง........)

วีดีโอ เพลงแสงจันทร์ สดจากคอนเสิร์ตที่ร้านซาไก ถ่ายโดย ชำนาญ ณ.อันดามัน


---------------------------------

ผมอินกับบรรยากาศจนขนลุกซู่ ลืมการถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอไปชั่วขณะ พอนึกขึ้นได้ รีบตาลีตาเหลือก กดฉับๆ ทุกช๊อต ทุกมุม รูปจะออกมายังไงชั่งมัน ถ่ายไว้ก่อน...


บรรยากาศหน้าเวทีคอนเสิร์ต
เวลาผ่านไป ทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่จากมาลีฮวนน่า ทยอยตามออกมา เร็วขึ้น หนักขึ้น ครึกครื้นขึ้น แฟนเพลงทั่วทั้งลานหน้าเวที ลุกขึ้นเต้นออกลวดลายกันเต็มที่ ทุกคนอินกับบรรยากาศ หลายคนมาหน้าเวที ขอจับไม้จับมือกับอาจารย์ไข่ สาวน้อยสาวใหญ่หลายคน กอดคอหอมแก้ม ฟอดฟอด..แสดงถึงความชอบพอของแฟนเพลงต่อศิลปิน..ทำเอาผมตาร้อนผ่าวๆ นึกอยากจะเป็นนักร้องดังกับเขามั่ง อิอิ....
แฟนเพลงรุ่นเดอะ วาดลวดลายกันเต็มที่
5 ทุ่ม คอนเสิร์ตพักการแสดง แฟนเพลงมาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปกับอาจารย์ไข่ ที่นั่งพักอยู่ด้านข้างเวที จนสับสนวุ่นวาย รวมทั้งเพื่อนต่างด้าว ท้าวต่างแดนของผมด้วย และผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าใครเหมือนกัน ฮ้า ฮ้า ฮ้า...
ขอลายเซ็นและถ่ายรูปกับอาจารย์ไข่
5 ทุ่มครึ่ง มาลีฮวนน่า เริ่มการแสดงเป็นรอบที่2 บรรยากาศ สนุกสนานมากขึ้น เพราะแฟนเพลงมึนเมามากขึ้น หน้าด้านมากขึ้น ตามจำนวนปริมาณของแฮลกอฮอล์ ในเส้นเลือด

แฟนๆ รุ่นเยาว์ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า
กระทั่ง เที่ยงคืนครึ่ง มาลีฮวนน่า จบการแสดง อาจารย์ไข่ กล่าวคำอำลาแฟนๆ เสียงปรบมือ เป่าปาก ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง อย่างยาวนาน แสดงถึงความประทับใจ..
ก่อนอำลาแฟนๆ
คอนเสิร์ตครั้งนี้ มาลีฮวนน่า ประสพความสำเร็จที่ได้สร้างความพึงพอใจให้แฟนเพลง และชาง ซาไก ก็ประสพความสำเร็จที่ได้สร้างชื่อร้านอาหารบ้านซาไก ให้เป็นที่รู้จักเช่นกัน
หลังจากมาลีฮวนน่า กลับไปแล้ว แฟนเพลง มาลีฮวนน่า กลับไปแล้ว ทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว เหลือผมกับเพื่อนชาวลาวและเจ้าเอ็ม นักดนตรีของร้าน นั่งฉลองความสำเร็จของคนอื่นอยู่ที่ ร้านซาไก จนสว่างคาตา...

...ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของ ชำนาญ ณ.อันดามัน...
...พบกันใหม่เรื่องต่อไปครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน