วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความเชื่อและศรัทธา



ความเชื่อ ความศรัทธาต่อสิ่งศักดิสิทธิ์และเทพเจ้า ยังมีอยู่ในกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย ขณะที่วิทยาศาสตร์ เจริญก้าวหน้าถึงขั้นมนุษย์สามารถเดินทางไปอยู่นอกโลกกันได้แล้ว...

อีกครั้งหนึ่งที่ ชำนาญ ณ.อันดามัน ได้เข้าไปมีส่วนร่วมพิธีกรรมทรงเจ้า ในถานะที่เคยได้รับยกย่องว่าเป็นศิษย์เอก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เต็มตัว

โดยส่วนตัว ถ้าถามว่าเชื่อหรือไม่?..ในพิธีกรรมแบบนี้ จนบัดนี้ยังบอกความรู้สึกไม่ได้จริงๆ
แต่..ไม่เคยหลบหลู่...ซึ่งเหมือนกับคนไทยจำนวนมาก
...ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ขอให้ทุกท่าน ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย...

อุปกรณ์และเครื่องเซ่นไหว้ สำหรับการอันเชิญเทพ

พิธีกรรมในครั้งนี้ เป็นการเชิญเทพเจ้ามาเข้าร่างทรงเพื่อทำการรักษา ผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งที่อ้างว่ามีตัวหนอนจำนวนมากอาศัยอยู่ในตัวของเธอ เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมหรือถ้าเอาเลือดไก่สดๆ มาทาตามแขน ขา เจ้าตัวพวกนั้นก็จะออกมาทางผิวหนัง เพื่อกินเลือดนั้น พวกมันมีลักษณะคล้ายกับตัวพยาธิ

เธอบอกว่าได้ผ่านการตรวจรักษาจากแพทย์แผนใหม่มาแล้วหลายครั้ง หลายโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ จึงต้องมาขอรับการรักษาจากเทพเจ้า เป็นวิธีสุดท้าย

ผมฟังแล้วรู้สึกสยอง พองขนอย่างบอกไม่ถูก เท่าที่ฟังจากการบอกเล่า เหมือนกับหลายๆรายที่เป็นข่าวออกมาทางสื่อต่างๆ บ่อยๆ

ชำนาญ ณ.อันดามัน กับร่างทรงเทพเจ้า

 พิธีเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 4 ทุ่มตรง หลังจากที่ร่างทรง จุดธูป เทียน เผากระดาษเงิน กระดาษทองเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนั้น ร่างทรงก็นั่งคุกเข่าลงที่หน้าโต๊ะพิธี โดยมีผ้าคลุมหัวเอาไว้ ร่างทรงนั่งนิ่งๆ อยู่สักประมาณ 10 นาที จึงมีกิริยาอาการเหมือนเจ้าเข้า อย่างที่เขาว่า (หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจกริยาอาการของคนเจ้าเข้านะครับ) ทันใด..ได้ยินเสียงตบมือ ผาง..ผาง..แล้วร่างทรงลุกขึ้นยืนตบโต๊ะโครม!.เบ่อเร่อ ทำเอาคนที่นั่งดูเพลินๆ สะดุ้งโหยงไปตามๆกัน

ทุกคนเข้าใจได้ทันทีว่าปฏิบัติการเรียกเจ้าเข้าทรงเสร็จสมบูรณ์ ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบหยิบเอาเสื้อของเจ้า ที่เตรียมเอาไว้ มาสวมใส่ให้ หลังจากนั้นเจ้าจึงได้เดินตัวคู้แบบคนแก่ไปนั่งตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเจ้า ที่จัดเตรียมเอาไว้แล้วเช่นกัน..

เขียนอักขระเป็นภาษาจีนโบราณลงบนกระดาษเงิน กระดาษทอง

เมื่อเจ้านั่งลงเป็นที่เรียบร้อย เจ้าเริ่มเรียกหาเหล้าเป็นสิ่งแรก ลูกศิษย์รีบจัดการเปิดฝารีเจนซี่ขวดใหญ่ ที่วางอยู่บนโต๊ะ

แต่เจ้ากรรม..จะเป็นเพราะความรีบร้อนหรือจากการขาดประสบการณ์ในการกินเหล้า(เพราะยังเด็ก) ของลูกศิษย์ก็เหลือเดา ฝารีเจนซี่เกิดหมุนฟรีขึ้นมาดื้อๆ เดือดร้อนถึงผมซึ่งป์นศิษย์เอก ต้องลงมือเอง จึงเปิดได้ นั่นแหละลูกศิษย์จึงได้รีบรินใส่จอกส่งให้เจ้า มือไม้สั่น(เป็นเจ้าเข้า) ตามด้วยน้ำชาจีนร้อนๆอีกหนึ่งถ้วย
หลังจากที่เจ้า กระดกรีเจนซี่พรวดเดียวหมดจอก(ใบไม่เล็ก) เจ้าเรียกหาบุหรี่ ลูกศิษย์รีบจุดบุหรี่มือไม้ยังสั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนเดิม ส่งให้ เจ้ารับไปดูด....
แต่..เจ้ากรรมอีกครั้ง เมื่อบุหรี่ไม่ติดไฟ เจ้าดูดจนแก้มตอบก็ไม่มีควัน เดือดร้อนศิษย์เอก ต้องลงมือจุดเองอีก!.
ต่อจากนั้น เจ้าสั่งให้รินเหล้าส่งแจกให้ทุกคน ขั้นตอนนี้ผมลงมือจัดการทำเองทันที ไม่ให้ศิษย์ใหม่ทำ เพราะศิษย์ใหม่ไม่กินเหล้า อิอิ..

ให้คนป่วยนอนบนกระดาษที่ผ่านการลงอักขระภาษาจีน

ขั้นตอนการเสิร์ฟ..เอ้ย..การประเคน..เอ้ย..การถวายเครื่องเซ่นผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย เจ้าจึงได้เรียกคนป่วยและพี่เลี้ยง(ซึ่งใส่ชุดขาวทุกคน) เข้าไปนั่งใกล้ๆ สอบถามอาการจนเป็นที่พอใจของเจ้า

เจ้าจึงบอกกับคนไข้ว่า ต้องเรียกวิญญาณออกจากร่าง ให้ตายไปก่อน เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกไปจากร่าง แล้วจะเรียกวิญญาณ กลับเข้ามาใหม่ จะเอาหรือไม่?
คนไข้ไม่กล้าตอบ ต้องหันไปปรึกษากับผู้ติดตามและสามีหลายคำ

จึงได้พูดกับเจ้าว่า “ต้องตายจริงๆหรือเปล่า?.”
“ตายจิงๆซี” เจ้าบอก
“แล้วฟื้นมาอีกจริงๆ?” นี่คือข้อข้องใจและปัญหาใหญ่ ซึ่งก็น่าเห็นใจ กรณีย์แบบนี้ใครก็กลัว อิอิ..
“ฟื้งซี ทามมาย จาม่ายฟื้ง” เจ้ายืนยันหนักแน่น..
“เอา..ตายก็ตายค่ะ” คนไข้ตัดสินใจเด็ดขาด แบบว่า..ตายเป็นตาย

เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนเจ้า....
เจ้าเข้านั่งประจำที่ เรียกหาบรั่นดีกับบุหรี่และไม่ลืมบอกให้รินส่งให้ทุกคน สำหรับผมยกซดได้ตลอดเวลาเป็นกรณีย์พิเศษ..ฮ้า ฮ้า ฮ้า...
เจ้าลงมือเขียนอักษรเป็นภาษาจีนโบราณ ลงบนกระดาษเงิน กระดาษทอง ตามด้วยการประทับตรา โครม..โครม..โครม..ลงไป ต่อจากนั้นตามติดด้วยเคาะเกราะโป๊ง..โป๊ง..โป๊ง..หลายสิบโป๊ง(ผมนับไม่ทัน)แล้วปิดท้ายด้วยการตีระฆัง..กิ๊งงงงง... หนึ่งที เสียงดังกังวานยาวนาน..

เจ้านำสายสิญมาทำเป็นบ่วงเพื่อจะผูกกับนิ้วของคขไข้

ขั้นตอนต่อมา เจ้าเอาธงจีนผืนใหญ่ พัดวนรอบๆหัวคนไข้ หลายรอบจนเป็นที่เรียบร้อย เจ้าจึงได้บอกให้คนไข้ ลงไปนอนบนแผ่นกระดาษลงอักษรภาษาจีน ที่ปูเรียงเอาไว้บนพื้นใกล้ๆนั้น โดยมีดอกบัว ธูป เทียน อยู่ในกำมือ เหมือนศพคนตาย ยังไงยังงั้น..

ต้องไห้คนไข้ถือดอกบัว ธูป เทียนไว้ในมือ เหมือนคนตาย

ขั้นตอนต่อไป เจ้านำสายสิญออกมาเรียมจัดการผูกมัดตราสังข์ที่ข้อมือของคนไข้ แต่กลับชะงักเหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจ้า ถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงไม่ได้ จึงไม่พ้นผมต้องกลายเป็นสัปเหร่อจำเป็น ชั่วคราว..

ทำพิธีสวดรักษา

ผูกมัดตราสังข์เสร็จ ผมดึงสายสิญ โยงไปไว้บนโต๊ะพิธี เป็นอันเสร็จหน้าที่สัปเหร่อ...จำเป็น
ต่อจากนั้น เจ้าเข้านั่งประจำที่ เริ่มสวดมนต์..เคาะเกราะ ตีระฆัง อีกครั้ง เมื่อจบสิ้นกระบวนการ เจ้าหยิบผ้าขาวผืนใหญ่ส่งให้ผม พร้อมกับบอกว่า “อาตี๋ใหญ่ ลื้อเอาไปคลุมอีไว้” ผมรับเอาผ้าขาวผืนนั้นไปคลุมไว้บนร่างที่นอนอยู่บนพื้น เมื่อคลุมเสร็จเรียบร้อย มองดูสภาพโดยรวมก็คือศพชัดๆ..

เจ้าเริ่มสวดอีกครั้ง กระทั่งเกือบ 20 นาทีต่อมา เจ้าบอกให้ผมเอาผ้าคลุมออกจากตัวคนไข้และแก้สายสิญ
คนไข้ลุกขึ้นนั่ง อย่าง งงๆ..
ส่วนผลการรักษาจะเป็นอย่าง ยังบอกไม่ได้ในเวลานั้น ต้องรอฟังผล..
ถ้าคนไข้กลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยของสมนาคุณ ให้ร่างทรง แสดงว่าหาย..

แต่ถ้าคนไข้หายไปเลย..แสดงว่าหายกับไม่หาย คือห้าสิบ ห้าสิบ..อิอิ...


วิดีโอพิธีกรรมทรงเจ้า(โปรดใช้วิจารณญาณในการชม)



----------------------

***พบกันใหม่ เรื่องต่อไปครับ สวัสดี***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวกันก่อนแล้วค่อยต้ดสินใจและแบ่งปัน